พี่ชายร้อง สาวในคราบมิจฉาชีพมาตีสนิทน้องชาย ก่อนเข้ามาอยู่ร่วมกันในครอบครัว อาสาทำกับข้าวให้กิน กลับลอบผสมยาในอาหารจนพ่อแม่เกิดอาการหลอน เหมือนผู้ป่วยจิตเวช บังคับให้ทำธุรกรรมทางการเงิน ทำประกันชีวิต เชื่อหวังฮุบสมบัติ
โดย นายพงษ์ศา เทพพิชัย ร้องกับรายการ ถกไม่เถียง ออกอากาศทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ก่อนหน้านี้ นายอริยะ หรือ เบส น้องชายของตน รู้จักกับสาวคนนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงมกราคม 2563 ก่อนทั้ง 2 คนมีการพูดคุยสร้างความสนิทสนมจนถึงขั้นคบหากันเป็นแฟน ต่อมาสาวคนดังกล่าว อ้างว่าครอบครัวเดือดร้อน จึงขอมาอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านที่ จากนั้นสาวคนนี้พร้อมด้วยหญิงคนหนึ่งอ้างว่าเป็นแม่ ได้ขนย้ายข้าวของมาอยู่ที่บ้านในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา หลังจากที่สาวคนดังกล่าวและแม่เข้ามาอยู่ในบ้าน ร.ต.อ.สุชีพ ผู้เป็นพ่อ และนางวรรณี ผู้เป็นแม่ของตนก็มีอาการผิดปกติ หวาดระแวง เซื่องซึม ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูด นอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย ญาติต้องมารับตัวไปดูแลอย่างใกล้ชิดที่ จ.กระบี่ ในระหว่างรอตนเดินทางลงมาจากกรุงเทพฯ
หลังจากนั้นช่วงเดือนกันยายน ตนได้พาพ่อและแม่ไปหาหมอที่ รพ.พัทลุง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากความเครียดจากสภาพแวดล้อม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ หมอได้รักษาตามอาหารและให้ยามากิน แต่อาการทั้งคู่ก็ไม่ดีขึ้น
มีความหวาดระแวง หวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งเมื่อดูพฤติกรรมของสาวคนดังกล่าว และแม่ของเขาที่เข้ามาอยู่ในบ้านผิดปกติ เนื่องจากเจ้าตัวพยายามหลอกล่อให้ทั้งพ่อและแม่ ทำธุรกรรมทางการเงิน ทำประกันชีวิต และร้องขอให้น้องชายของตนแต่งงานและจดทะเบียนด้วย ที่สำคัญพ่อเคยพบยาเสพติดในบ้าน เมื่อตนทราบจึงพาผู้เป็นพ่อและแม่เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ควนขนุน ให้ตรวจสอบเรื่องนี้
จากนั้นได้ส่งพ่อและแม่ไปตรวจร่างกายที่ รพ.สงขลานครินทร์ ผลตรวจของ รพ.สงขลานครินทร์ ระบุว่าพ่อแม่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง และมีอาการทางจิต ในครอบครัวเครียดกันมาก เพราะไม่รู้สาเหตุการป่วยของพ่อและแม่ เพราะทั้งคู่เป็นคนแข็งแรง จึงเริ่มตรวจสอบประวัติของแฟนของน้องชาย และผู้ที่อ้างว่าเป็นแม่ พบสาวคนนี้ได้เปลี่ยนชื่อมาหลายรอบ ทั้งยังมีการพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งในรถเบนซ์ของทั้งคู่ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.434 พัทลุง เข้าตรวจสอบเรื่องยาเสพติดที่บ้าน แต่ทางตำรวจ ระบุว่าแฟนของน้องชายและแม่เป็นผู้ป่วยจิตเวชทั้งคู่ ทำอะไรไม่ได้ ทั้งไม่เจอของกลางยาเสพติด และขณะที่ตนนำแฟนน้องชายไปส่ง รพ.พัทลุง เพื่อทำการตรวจรักษาว่าป่วยจิตเวชหรือไม่ ปรากฏว่าหญิงที่อ้างว่าเป็นแม่ได้หนีออกจากบ้านไปเมื่อ 3 ส.ค. 64 พร้อมเอกสารสำคัญของพ่อแม่ตน เช่น บัตรประชาชน บัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา
หลังจากนั้นตนได้ประสานตำรวจ สภ.ควนขนุน ขอให้ทำเรื่องถึง รพ.ศิริราช เพื่อส่งอาหารในบ้านไปตรวจ พร้อมร้องขอให้ทาง รพ.ศิริราช ตรวจเส้นผมของพ่อและแม่ ซึ่งผลการตรวจออกมาปรากฏ "พบสารเมตแอมเฟตามีน" ในเส้นผมของทั้ง 2 คน จึงพยายามพูดคุยกับพ่อแม่ ถึงความผิดปกติ และเชื่อว่ามีคนวางยา เอาสารเสพติดผสมให้อาหารให้พ่อแม่ของตนกิน
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเป็นมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการ เพราะหลังจากตรวจสอบพบทั้งคู่ไม่ใช่แม่ลูกกันจริง ทั้งยังมีการปลอมเฟซบุ๊กมาคุกคามตนและคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และเรื่องนี้เชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลังมากกว่าจะทำกันเอง อาจจะมีกลุ่มขบวนการคนต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง หวังยึดเอาทรัพย์สิน โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในการแฝงมาเป็นบุคคลในครอบครัว ล่าสุด ทั้งคู่ก็ยังหลบหนีลอยนวล ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน
ด้าน ร.ต.อ.สุชีพ และนางวรรณี สามีภรรยา ผู้ตกเป็นเหยื่อ เล่าว่า หลังแม่ลูกคู่นี้เข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งคู่จะอาสาเป็นคนทำกับข้าวให้คนในครอบครัวกิน แต่ผิดปกติตรงที่ทั้งคู่ไม่ยอมกินอาหารจานเดียวกับที่พวกตนกิน โดยทั้งคู่จะทำกินแยกส่วน และกินก่อนที่พวกตนจะกินหรือบางครั้งก็กินเฉพาะมาม่า และอาหารที่ออกไปซื้อมาจากข้างนอก จนกระทั่งพวกตนเกิดอาการผิดปกติ เหมือนคนเป็นโรคประสาท ครอบครัวเริ่มมีปัญหา มีความระแวง ทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง ทำให้เชื่อว่าทั้งคู่ต้องทำอะไรกับพวกตนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วย หมอให้ทานยาต่อเนื่อง และอาการโดยรวมดีขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายนี้หากผู้ก่อเหตุได้ติดตามข่าว ตนก็อยากให้รีบเดินทางกลับมาเพื่อชดใช้ความผิดที่ได้กระทำ พร้อมทั้งขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว จะได้ไม่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นซ้ำอีก
ด้านนายอริยะ หรือ เบส แฟนผู้ก่อเหตุ เผยว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นตนคบหากับ สาวคนนี้มานานหลายเดือน ก่อนจะคบเป็นแฟนและพากันมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพ่อกับแม่ใน จ.พัทลุง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ตนยอมรับว่าตัวของตนเองกับฝ่ายหญิง ก็เคยมีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง แต่ช่วงหลังตนเลิกยุ่งเกี่ยวแล้ว โดยทีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทั้งคู่ จะมาก่อเหตุดังกล่าวกับพ่อกับแม่ตน ถึงขั้นใส่ยาเสพติดในอาหารให้พ่อกับแม่กิน จนเกิดอาการหลอนทางประสาทถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม ตนก็รู้สึกตกใจและอยากวอนขอให้ผู้ก่อเหตุดังกล่าวมาชดใช้รับผิดชอบการกระทำที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน พร้อมทั้งอยากให้ตำรวจดำเนินการเอาผิดผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุดังกล่าวซ้ำกับผู้อื่นอีก
ถกไม่เถียง
ทิน โชคกมลกิจ
ยาบ้า
ยาเสพติด
แฟนน้องชาย
น้องสะใภ้
ป่วยหลอน
จิตเวช
วางยา
อาหาร
พ่อแม่
กับข้าว
แม่ทิพย์
ทนายแก้ว
เปลี่ยนชื่อ
มิจฉาชีพ
หลอกทำธุรกรรมทางการเงิน