logo ถกไม่เถียง

ถอดบทเรียน ล่อซื้อสินค้าลิขสิทธิ์ รีดเงินผู้ขาย อาจเข้าข่ายมิชอบด้วยกฎหมาย : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

ถกไม่เถียง : จากกรณีข่าวการจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่มีให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่หลายคนยังไม่ให้ความสนใจในเรื่องทรัพย์ส ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,ช่อง7HD,TERODigital,กด35,ล่อซื้อ,ลิขสิทธิ์,เจ้าหน้าที่,ทนายสงกาญ์,เหยื่อ,สินค้า,ละเมิดลิขสิทธิ์,ถุงเท้า,การ์ตูน,รีดเงิน,แม่ค้า,เดือดร้อน,พ่อค้า,กรรโชกทรัพย์,ตัวแทน,เซ็นรับสารภาพ,หลอกเซ็น

932 ครั้ง
|
06 ธ.ค. 2564
          จากกรณีข่าวการจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่มีให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่หลายคนยังไม่ให้ความสนใจในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาและกฎหมายลิขสิทธิ์มากนัก จึงเกิดปัญหาการละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์อยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มคนบางส่วนฉกฉวยเป็นช่องทางในการเอาเปรียบประชาชน
 
         ล่าสุดกลุ่มผู้เสียหาย น.ส.ปิยวดี แก้วไพบูลย์ และ น.ส.กฤตยา ดาวเรือง ผู้ที่ถูกล่อซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เรามีอาชีพเป็นเซลล์ส่งอุปกรณ์การเรียนตามชุมชนต่างๆ ตามร้านขายของชำในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ทำมานานประมาณ 3-4 ปี แต่ในช่วงโควิด เริ่มลำบาก จึงหันมาทำขนม กิ๊ฟช็อป และถุงเท้า เน้นพวกอุปกรณ์การเรียน ตอนแรกพวกถุงเท้าเราจะเน้นเป็นสีขาวล้วน ดำล้วน ไม่มีลายเลย ต่อมาก็เอาแบบมีลายมาขาย เพราะเห็นว่ามันน่าจะขายได้ เมื่อก่อนเป็นลายการ์ตูน แต่ไม่ได้เป็นภาพลิขสิทธิ์ ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นลายลิขสิทธิ์ แล้วแต่ว่าร้านจะมีของให้ไหม ขายอยู่คู่ละ 25 บาท เน้นขายให้วัยรุ่นผ่านทางเฟซบุ๊ค เราเพิ่งโพสต์ได้เพียง 2 วัน ก็มีคนทักมาขอซื้อ ทักว่ายังมีสินค้าอยู่ไหม มีลายไหนบ้าง เราก็ส่งรูปให้เขาดู เขาก็บอกว่ารับหมดเลย และนัดวัน นัดสถานที่ที่จะส่งที่หน้าศรีสวัสดิ์ บางปลาม้า เราก็ไปโดยที่เขายังไม่ได้จ่ายมัดจำเลย
 
ถกไม่เถียง : ถอดบทเรียน ล่อซื้อสินค้าลิขสิทธิ์ ร
           ตอนที่เขาทักมา เราก็ไม่ได้เอะใจ หรือคิดว่ามันจะมีปัญหาเลย เราไม่รู้เลยว่าลายการ์ตูนมีลิขสิทธิ์จะผิดกฎหมาย เราเข้าใจมาตลอดว่าคนที่ผลิตจะผิดกฎหมาย แต่เรารับมาขายต่อ เห็นคนอื่นก็ขายกัน ก็คิดว่าน่าจะขายได้ วันที่เราเอาสินค้าไปส่ง ก็ได้มีการโทรนัดเจอกัน โดยเราไปคนเดียว ส่วนเพื่อนนั่งรออยู่ในรถ เราเอาถุงเท้าไปส่งทั้งหมด 4 โหล ราคา 1,200 บาท เขาก็เช็กของตามปกติ เสร็จแล้วก็ส่งเงินสดให้เรา พอเราเงยหน้าขึ้นมาก็เจอผู้ชาย 3 คน อ้างว่าเป็นตัวแทนของลิขสิทธิ์ แจ้งว่าเราทำผิดกฎหมาย ถูกจับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทเขา โดยในกลุ่มนั้นมีชายแต่งกายคล้ายตร.นอกเครื่องแบบอยู่ด้วย พอชายทั้ง 3 คนเดินมาหาเรา ผู้หญิงที่เป็นคนล่อซื้อก็เดินหนีเข้าโรงพักไปเลย ซึ่งโรงพักอยู่ตรงข้ามกับจุดที่นัดรับของพอดี เขาก็โชว์บัตรตัวแทนลิขสิทธิ์ให้ดู ตอนนั้นตกใจไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ให้เราไปเคลียร์ที่โรงพัก โดยที่เราไม่มีอะไรติดตัวไปเลย ทั้งกระเป๋าเงิน ของทั้งหมด อยู่บนรถ แล้วเราก็ยังไม่ได้ล็อครถ 
 
ถกไม่เถียง : ถอดบทเรียน ล่อซื้อสินค้าลิขสิทธิ์ ร
 
            หลังจากไปที่โรงพัก ก็มี จนท.อีกคนมาคุยด้วย แจ้งข้อหาว่าเราละเมิดลิขสิทธิ์ เราก็ไม่ได้ขอดูหลักฐานอะไรเลย เสร็จแล้วเขาก็พาเราขึ้นไปชั้น 2 ของโรงพัก แล้วคนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ก็ให้เราเซ็นรับสารภาพว่าเรากระทำความผิดจริง โดยตัวแทนเป็นคนพิมพ์เอกสารเอง เพื่อให้เราเซ็น ยืนยันว่าคนที่ให้เซ็นเป็นตัวแทน ไม่ใช่ตร. เราก็ยอมเซ็นรับสารภาพ แต่เราเซ็นว่าเราผิดจริงแต่เราเขียนไปด้วยว่าเราทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เสร็จแล้วก็ลงมาที่ชั้น 1 เพื่อคุยกับร้อยเวร และร้อยเวรบอกให้เราไปคุยตกลงกับตัวแทนเรื่องค่าเสียหาย ที่หน้าโรงพัก ซึ่งตัวแทนเรียกเงิน 40,000 บาท ซึ่งตอนนั้นเราไม่มี เรามีแค่ 200 บาท แต่เขาไม่เอา เขาบอกว่าเขามาทั้งทีต้องหลักหมื่น พอเราบอกร้อยเวรว่าตกลงกันไม่ได้ ร้อยเวรก็พาเราเข้าห้องขังเลย เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาบอกให้เราติดต่อญาติ แต่เราไม่อยากรบกวน คิดว่าถ้าเราทำผิดก็ยอมรับ เราอยู่ในห้องขังตั้งแต่ประมาณ 11 โมง  เราก็พยายามเก็บอาการ เพราะว่าสภาพคุกไม่น่าอยู่ ทั้งสกปรก เราไม่คิดว่าชีวิตเราจะเจอเรื่องแบบนี้ จนท.ก็บอกว่าให้อยู่ไปก่อน เข้าไปก่อน เหมือนตกลงกันไม่ได้ คิดว่าถ้ามีเงินคงไม่เป็นแบบนี้ เครียดถึงขนาดเอาหัวโขกกับพื้น ทุบหัวตัวเอง เสียใจที่ตร.ทำแบบนี้ ร้องไห้ดังลั่นทั้งโรงพัก ด้วยความที่เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว เราอยู่ในนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง จนท.ก็เรียกออกมาพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งน้ำตา เราก็ปลอบกันว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เราถามร้อยเวรว่าต้องอยู่ในนี้นานแค่ไหน ร้อยเวรบอกว่าประมาณ 2-3 วัน ต้องรอส่งตัวไปฝากขังที่ศาลอีก เราคิดว่าไม่ไหวแล้วจึงตัดสินใจติดต่อพี่ชายมาช่วยเหลือ
 
           พอพี่ชายมาก็มีการต่อรองราคากัน สรุปแล้วจบที่ราคา 20,000 บาท พี่ชายก็ต้องไปหยิบยืมเงินญาติมาจ่ายให้ตัวแทน พอจ่ายเงินแล้วร้อยเวรก็ปล่อยกลับบ้าน ทั้งนี้เขาไม่ได้ให้ใบเสร็จมาด้วย และในบันทึกประจำวันก็ไม่มีการระบุจำนวนเงิน เขียนเพียงว่าชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนที่น่าพอใจ และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในห้องขัง ก็โดนข่มขู่ตลอดว่าถ้าไม่จ่าย แล้วขึ้นศาล ก็ต้องจ่ายหนักเป็นหลัก 3 แสนบาท พอเรากลับบ้านก็ลองไปเสิร์ชหาข้อมูลก็พบว่า ตัวแทนคนที่เข้ามาจับกุมเคยมีคดีลักษณะแบบนี้มาก่อน
 
ถกไม่เถียง : ถอดบทเรียน ล่อซื้อสินค้าลิขสิทธิ์ ร
 
           ขณะที่ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม พูดถึงกรณีนี้ว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยในเคสนี้สามารถยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวได้ ยิ่ง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ อันนี้ไปล่อซื้อไม่ได้ การเขียนบันทึกการจับกุมก็ทำไม่ได้เช่นกัน การที่ร้อยเวรบอกว่าจะขังต่ออีก 2-3 วันก็ทำไม่ได้ เพราะมันเกินระยะเวลา ห้ามมิให้ควบคุมผู้ถูกจับไว้เกินกว่า 48 ชั่วโมง ที่สำคัญ คดีนี้ ตัวแทนลิขสิทธิ์คนดังกล่าวเคยตกเป็นข่าวแก๊งล่อซื้อ กรรโชกทรัพย์ มาก่อน ที่สำคัญ การล่อซื้อลิขสิทธิ์ ตามกฎหมายไม่สามารถทำได้เหมือนการล่อซื้อยาเสพติด ที่สำคัญคนที่ถูกจับเรื่องลิขสิทธิ์ไม่ต้องกลัว เพราะว่าเรามีสิทธิ์ขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวได้ เพราะว่าไม่มีหมายจับ แม้กระทั่งขึ้นศาลถ้าโทษไม่เกิน 3 ปี ก็สามารถขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวได้
 
           ทั้งนี้ ทางรายการได้ติดต่อไปยัง พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ เจริญศรี ผกก.สภ.บางปลาม้า เพื่อสอบถามถึงคดีที่เกิดขึ้น โดย พ.ต.อ.ธีระศักดิ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผู้รับมอบอำนาจได้มาแจ้งความว่ามีผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ร้อยเวรก็รับแจ้งความ พอช่วง 11.00 น. ในวันเดียวกัน เขาได้พาผู้ต้องหามาส่งร้อยเวร ร้อยเวรก็รับตัวดำเนินการแจ้งสิทธิตามระเบียบ พอช่วง 16.00 น. ผู้รับมอบอำนาจมาแจ้งว่าไม่ติดใจดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เพราะได้มีการรับมอบเงินจากผู้ต้องหาแล้ว ร้อยเวรจึงได้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป พอเรื่องเป็นข่าว เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้ทำการส่งหนังสือไปสอบถามกับทางบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ว่า ทางบริษัทได้มีการมอบอำนาจจากตัวแทนลิขสิทธิ์หรือไม่ มีเงื่อนไขในการมอบอำนาจอย่างไร และมอบอำนาจสินค้าประเภทใดบ้าง และมีการทำหนังสือถึง ผอ.สำนักลิขสิทธิ์ ให้ตรวจสอบว่าทางบริษัทดังกล่าว ได้จดลิขสิทธิ์วันพีซไว้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้กำลังรอจดหมายตอบกลับอยู่ หากมีจดหมายตอบกลับมา ปรากฏว่ามีการทุจริตจริง เราจะเรียกผู้ต้องหามาแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับฝ่ายผู้รับมอบอำนาจว่ามีการแจ้งความเท็จ ส่วนเรื่องสิทธิของผู้ต้องหาเรามีการแจ้งให้ทราบแล้วว่าคุมตัวได้ไม่เกิน 48 ชม. แน่นอน แต่ถ้าติดช่วงเสาร์อาทิตย์ก็อีกเรื่อง และเราได้ให้ผู้ต้องหามีการให้ปรึกษาทนาย หรือผู้ที่ไว้วางใจได้ หากพบเป็นการล่อซื้อ และไม่ได้เป็นตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์จริง จากผู้ต้องหา ก็จะกลายเป็นผู้กล่าวหาทันที โดยสามารถเข้ามาแจ้งความกลับตัวแทนลิขสิทธิ์คนดังกล่าวได้
 
           ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com
 
ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/bAAF34Q3_fA