สาวมือวางเพลิงโกดังน้ำมันอ้อมใหญ่ โดนข้อหาหนัก โทษสูงสุดประหารชีวิต
logo ข่าวอัพเดท

สาวมือวางเพลิงโกดังน้ำมันอ้อมใหญ่ โดนข้อหาหนัก โทษสูงสุดประหารชีวิต

ข่าวอัพเดท : รวบสาวมือวางเพลิงเผาโกดังน้ำมัน ย่านอ้อมใหญ่ นครปฐม พบวงจรปิดมัดตัว อ้างโกรธแค้นนายจ้าง ตำรวจชี้โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต วางเพลิง,ไฟไหม้,โกดังน้ำมัน,อ้อมใหญ่,นครปฐม,ประหารชีวิต,ข้อหาหนัก

2,762 ครั้ง
|
02 ธ.ค. 2564
       รวบสาวมือวางเพลิงเผาโกดังน้ำมัน ย่านอ้อมใหญ่ นครปฐม พบวงจรปิดมัดตัว อ้างโกรธแค้นนายจ้าง ตำรวจชี้โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
 
        วันที่ 1 ธ.ค.2564 จากกรณี เกิดเหตุเพลิงไหม้คลังโกดังเก็บน้ำมันเครื่อง ของ บริษัท ประภากรออยล์ จำกัด ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ อุบัติเหตุแต่เป็นการก่อเหตุวางเพลิงซึ่งผู้ต้องหาในคดีนี้ คือ น.ส.สิราสินี อายุ 38 ปี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานเด็ดที่มัดตัวชนิดดิ้นไม่หลุด จนเจ้าตัวยอมจำนนต่อหลักฐาน
 
       ล่าสุดวันนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถดับเพลิงได้แล้ว จากนั้นตำรวจได้ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้จำนวนหนึ่งคน คือ น.ส.สิราสินี หรือแอน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทตำแหน่งหัวหน้าแผนกครั้งสินค้า ขณะนั้นเจ้าตัวอ้างว่า “ตอนที่ตนเองทำหน้าที่ตรวจคลังสินค้าอยู่ได้พบกับคนร้ายเป็นชายสองคนที่เข้ามาก่อเหตุวางเพลิง และตนก็ถูกทำร้ายก่อนชายทั้งสองจะหลบหนีไป”
 
        จากคำกล่าวอ้างตำรวจไม่เชื่อในคำให้การจึงได้ตรวจสอบเก็บกู้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดจนทำให้รู้ชัดว่า ผู้ก่อเหตุในคดีนี้คือ น.ย.สิราสินี หัวหน้าแผนกคลังสินค้าของบริษัท จึงได้ทำการสอบสวนอีกครั้งจนนางสาวสิราสินี จนมุมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันเครื่องจริง โดยพฤติการณ์ก่อเหตุ น.ส.สิราสินี ใช้ไฟแช็กจุดไฟเผากระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นจนเพลิงไหม้โกดัง โดยอ้างว่าชนวนที่ทำให้ก่อเหตุเกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกนายจ้างดุด่าจึงทำการก่อเหตุดังกล่าว
 
สำหรับคดีนี้ ตำรวจตั้งข้อ 2 หาหลัก
 
ข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น มาตรา 2181  ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ดังต่อไปนี้
               (1) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย
               (2) โรงเรือน เรือ หรือแพอันเป็นที่เก็บหรือที่ทำสินค้า
               (3) โรงมหรสพหรือสถานที่ประชุม
               (4) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นสาธารณสถาน หรือเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมตามศาสนา
               (5) สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน หรือที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ
               (6) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป อากาศยาน หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ
               ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี
 
 
     ข้อหา แจ้งความเท็จ มาตรา 173 “ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท”
 
         และข้อหา แจ้งความเท็จ มาตรา 172 “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับ ‘ความผิดอาญา’ แก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
 
      จากนี้ทางตำรวจ ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนจะสรุปสำนวนคดีและนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐมต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง