อุทาหรณ์ หลอกให้รัก หลอกให้โอน มีให้เห็นบ่อย แต่ก็ยังมีคนตกเป็นเหยื่อกลายเป็นข่าวให้เห็นเรื่อยๆ ด้วยเพราะความเสน่หา สุดท้ายโดนหลอกลวงให้เจ็บช้ำใจ ล่าสุดรายการถกไม่เถียงได้รับเรื่องร้องเรียนจากหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกสาวที่รู้จักในโลกออนไลน์หลอกให้รัก จนตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรส ยอมกู้หนี้ยืมสิน สูญเงินไปกว่า 3 ล้านบาท สุดท้ายต้องหมดตัว ที่พีคหนัก คือฝาแฝดสาวแสบรายนั้นออกมาแฉพฤติกรรมที่ผ่านมา
โดยนายพิทธพล ประจันเขตต์ ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเองรู้จักกับหญิงคนนี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เขาก็ถามว่าเรามีอาชีพอะไร ตอนนั้นเราทำรัฐวิสาหกิจ ส่วนเขาแนะนำตัวเองว่าทำธุรกิจทัวร์ รายได้ดี ตอนนั้นเราก็อยากมีรายได้เสริม เขาก็ชวนให้มาลงทุนกับเขา แต่จะลงทุนได้ต้องเป็นสามีภรรยากันเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ คือ ต้องมีอะไรกับเขาก่อน ตอนนั้นก็อยู่กินกับเขาโดยยังไม่ได้แต่งงาน เพิ่งจะมาจดทะเบียนกับเขาตอนช่วง 10 เดือนให้หลัง ครั้งแรกที่ร่วมลงทุน โอนเงินก้อนแรกไป 1.7 แสนบาท เพื่อใช้ในการทำทัวร์รถบัส โดยรถบัสหนึ่งคันใช้เงินทุนประมาณ 1.4 แสนบาท ตอนนั้นเห็นเขาถ่ายรูปกับรถทัวร์ กับงานต่างๆ ก็เชื่อว่าเขาเป็นนักธุรกิจก็เลยไว้ใจ ด้วยความเป็นคนโอนไว ก็เลยโอนให้เขา ผ่านไป 2 อาทิตย์จากเงินก้อนแรก ยังไม่ได้เงินคืน แต่เขาก็บอกว่ามีทัวร์ใหม่ ถ้าลงทุนเพิ่มจะได้กำไรเพิ่มไปอีก
นอกจากนี้ตนเองยังไปกู้เงินสหกรณ์ไปลงทุนกับเขา แถมยังให้แฟนไปกู้ให้ด้วย พูดตรงๆคือตนก็มีแฟนมีลูกอยู่ แต่เพราะอยากลงทุนกับเขา ระหว่างที่ลงทุนกันเขาก็จะอ้างกับเราว่ามีนายทหารมาจีบเขา ถ้าเราไม่มีเงินให้เขา เขาจะไปคบกับนายทหารไปอยู่กินกันในค่ายทหาร เราก็เลยคิดว่าถ้าเราไม่ให้เงินเขาต่อไป เงินก้อนที่ผ่านๆ มาก็คงจะตามคืนมาไม่ได้ เราเลยพยายามยื้อเขาด้วยการให้เงินเขาไปเรื่อยๆ และยังมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ค่าห้องค่าไฟที่เขาเปิดใช้ 24 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกเขา เราก็ดูแลให้หมด
เขาพยายามบีบเราทางอ้อม ให้ผู้ชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นอดีตอธิการบดีมาคุยกับเรา บอกว่าถ้าได้เงินมาเราจะกลับไปหาลูกเมียเหมือนเดิม เราก็บอกเขาตรงๆนะว่าเรารักลูก เขาก็ตัดพ้อว่าเราไปหลอกเขา เราเลยถามเขาว่า ถ้าเราหลอกเขาเราก็ต้องเอาเงินให้ลูกเมียสิ จะเอามาให้คุณทำไม ทั้งหมดนี้เราคุยกับอดีตอธิการบดีผ่านทางแชตไลน์อย่างเดียวมา 3-4 ปี ซึ่งเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคือ ปุ้ย (ผู้หญิงที่มาหลอก)เป็นคนคุยเอง หลังจากนั้น ปุ้ย ก็พยายามบีบให้ตนหย่ากับภรรยา แล้วมาจดทะเบียนสมรสกับเขา จนในที่สุดก็หย่า ตั้งแต่รู้จักเขามาไม่เคยมีเงินเข้าเลย เสียไปตลอด แล้ววันนึงอยู่ๆ เขาก็บอกว่าลูกเขาทำเงินกลุ่มหาย แล้วตำรวจจะมาจับลูกเขา เขาต้องไปอยู่กับอธิการบดี เพราะอธิการบดีบอกให้เลิกกับเราก่อนแล้วเขาถึงจะช่วย สุดท้ายเราเลยต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาช่วยเขาอีก ตลอดเวลาที่คุยกับเขา เขาพยายามกีดกันไม่ให้เราเจอกับครอบครัว หนี้สินมันพอกพูนขึ้นมาเรื่อยๆ เขาแนะนำให้เอารถไปจำนองกับหนี้นอกระบบ ทั้งๆที่รถก็ติดไฟแนนซ์ ซึ่งเอาตามตรงก็ไม่มีเงินจะจ่ายแล้ว ตอนนี้ลำบากขนาดต้องกินข้าวกับน้ำปลาร้า โดยที่เขาไม่ได้อยู่กับเรา 6-7 เดือน ที่เขาหายไปเขาบอกนายพลกักตัวไว้ เราเลยติดต่อน้องสาวฝาแฝดเขาไป เพราะเป็นห่วงลูกในท้องเขาที่เขาอ้างว่าท้องกับเรา จนได้รู้ว่าเขาทำหมันนานแล้ว แล้วได้รู้ว่าประวัติเขาไม่ธรรมดาเลย เขาหนีไปเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว เขาก็บอกว่าเขารักเรานะ แต่การที่เขาต้องไปอยู่ภาคใต้กับผู้ชายคนอื่น เพราะเขาต้องพยายามทำทุกอย่างให้ลูกได้เรียนต่อ ซึ่งที่ผ่านมาที่เขาเอาเงินเราไปเขาก็อ้างลูกมาโดยตลอด เราพยายามจะติดต่อญาติ ก็ไม่มีใครอยากคุยกับเรา เพราะเห็นว่าเราเป็นสามีปุ้ย ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา เขาเอาแม่เขามาให้เราเลี้ยง แม่เขาป่วยติดเตียง เราก็คอยเช็ดอุจจาระเช็ดปัสสาวะให้ เราก็เสียใจนะ นี่เราดูแลแม่เขาขนาดนี้ยังทำได้ลงคอ เราได้ไปเช็คประวัติของหญิงคนนี้ ปรากฏว่ามีหมายจับ 2 คดี เขาอ้างว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจ แต่จริงๆแล้วเขาร่วมมือกับพวกฉ้อโกง
หลังจากนั้น เราก็ร่วมมือกับน้องสาวเขา วางแผนเพื่อล่อพี่สาวกลับมา โดยอ้างว่าได้เงินมรดก 5 แสน แล้วไปยืมเงินน้องเขามาถ่ายรูปแล้วส่งให้เขาดู เขาก็หลงเชื่อ แล้วกลับมาหาจริงๆ จู่ๆก็รักเราขึ้นมาเลย ช่วงนั้น หมอพบว่าเราเป็นโรคหัวใจตีบ น่าจะอยู่ได้อีกประมาณ 2 เดือน เราก็เข้ารับการผ่าตัด ผ่าตัดวันที่ 9 พอเราเข้าโรงพยาบาลเขาก็กลับไปอยู่ที่ใต้ เพราะเขาคงเห็นเราไม่มีเงินจริง ที่ช้ำหนักคือ เขาแอบคบผู้ชายทีเดียว 4-5 คน พาผู้ชายมาบ้านเราตอนที่เราไม่อยู่ เขาไปอ้างกับผู้ชายคนอื่นๆ ว่าจะขายบ้านหลังนี้ ทั้งๆ ที่บ้านนี้เป็นบ้านของตน
ด้าน วิไลภรณ์ วงษ์ลออ ฝาแฝดของสาวแสบ น้ำตาคลอเล่าว่า นายพิทธพล โทรมาถามว่าปุ้ยเป็นคนยังไง พอเราบอกความจริงไป เขาก็ร้องไห้โฮเลย เราบอกว่าปุ้ยเป็น 18 มงกุฎ มีสามีมาแล้วแบบรอบเอวเลย ที่ออกมาบอกแบบนี้ยืนยันว่าเราไม่ได้ทะเลาะกับพี่สาว แต่คับแค้นใจที่เขาหลอกแม่ เขาทำร้ายแม้กระทั่งบุพการี หลอกขายที่ดินแม่มูลค่า 2 ล้านกว่า โดยปลอมลายเซ็นแม่ แล้วเอาเงินไปหมดเลย ทำให้แม่ตรอมใจจนล้มป่วย พี่เขาก็เอาข้ออ้างที่แม่ป่วยไปหลอกเอาเงินผู้ชายอีก ทั้งๆ ที่แม่เรารักษาด้วยเงิน 30 บาท รักษาแบบอนาถามาก วันที่โกรธที่สุดคือ เขาเอาแม่ไปทิ้งไว้กับลูกสาวเรา ลูกสาวเราก็ไม่มีจะกินเหมือนกัน ต้องทำงานงกๆ เขาทิ้งแม่ไว้กับลูกเราประมาณ 5 เดือนได้ แต่ตอนนั้นเรายอมรับนะว่าโกรธแม่มาก ที่แม่ขายที่แบบไม่ปรึกษาเรา แต่พอถึงวันที่รับแม่กลับมาอยู่ มีวันนึงแม่ขอโทษเรื่องนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่แม่จากไป เรายอมรับว่าร่วมมือกับ นายพิทธพล วางแผนเพื่อล่อพี่สาวมาให้ถูกจับ
เราเดือดร้อนมาก ในพื้นที่สระบุรี ไม่สามารถทำมาหากินได้ เพราะเราหน้าเหมือนเขา พวกเจ้าหนี้จะคิดว่าเราคือเขา แล้วเขาเอาเอกสารเราไปแอบอ้างด้วย เราเคยโทรไปแจ้งตำรวจ ว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ ชื่อนี้ เลขที่นี้ อยู่นี่ ปรากฎว่าตำรวจนิ่ง ไม่มาจับ บอกว่าเราไม่ใช่ผู้เสียหาย เลยไม่ดำเนินการให้ กระทั่งลูกเขาที่เกิดจากตัวเขา เขาก็อ้างว่าเป็นลูกสาวเรา แถมเอาเอกสารสำคัญของเราไปแอบอ้างทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งเราก็ได้ไปแจ้งความไว้แล้ว
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม