พ่อคาใจ ลูกแทงตัวตายกลางห้าง มีดตัดขั้วหัวใจแล้วดึงออกเอง เก่งไปไหม แถมแชตลับโผล่ ห้ามพนง.พูด!

       วันที่ 24 พ.ย.64  นายพิทยาธร วงศ์ษา น้องชายของผู้เสียชีวิต และ นายเกษร สูตรไชย พ่อของผู้เสียชีวิต ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าให้ฟังว่า ผู้ตายปกติดีทุกอย่าง ไม่ได้ดูมีภาวะซึมเศร้า หรือมีสัญญาณอะไรที่จะบ่งบอกว่าจะฆ่าตัวตาย เขาเป็นคนถนัดมือซ้าย เขียนหนังสือด้วยมือซ้าย วันที่เกิดเหตุพ่ออยู่ที่บ้าน ส่วนน้องชายทำงานอยู่ที่ จ.พะเยา และวันนั้นรอฉีดวัคซีนอยู่ โดยวันเกิดหตุมีคนอ้างว่าเป็น ตร.โทรมาหา แล้วถามว่าเป็นญาติผู้ตายใช่ไหม ผู้ตายเสียชีวิตแล้วนะ แล้วแจ้งว่าเป็นการฆ่าตัวตาย โดยการผูกคอตาย ไม่ได้พูดถึงร่องรอยของมีคมแต่อย่างใด ซึ่งทางเราก็ได้โทรไปถามกับทางสารวัตร เขาบอกว่าคนที่โทรไปบอกเราตอนแรกเป็น จนท.ของทาง สน.จริง แต่ไม่ได้ไปที่เกิดเหตุ เป็นการสื่อสารคลาดเคลื่อน

 

 

         ทางด้านของน้องชายมีโอกาสได้เข้าไปที่เกิดหตุหลังจากที่เผาศพพี่ชายไปแล้ว แต่ได้ดูจากภาพในที่เกิดเหตุ จะเห็นว่ามีเครื่องชั่งกิโลล้มลงมา สภาพเหมือนมีร่องรอยการต่อสู้ ทำให้เกิดข้อสงสัย อีกทั้ง ลักษณะบาดแผลที่ถูกแทงมีขนาดค่อนข้างลึก มันผิดปกติที่แทงตัวเองลึกขนาดนั้น แล้วยังมีแรงดึงมีดออกมา  ซึ่งหากดึงมีดออกมาเองจริงก็ไม่น่าจะนำไปวางบนเคาน์เตอร์ได้ นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ตายมีบาดแผลเล็กน้อยบนใบหน้า​ และดั้งจมูก​หัก อีกหนึ่งข้องสงสัยคือตราชั่งที่ล้มลงมา ร่วงอยู่ที่ปลายเท้าของผู้ตาย ซึ่งถ้าผู้ตายฆ่าตัวตายจริงเขาน่าจะพุ่งตัวไปข้างหน้า โดนตราชั่งร่วงไปหน้าเคาน์เตอร์รึเปล่า และบริเวณนั้นมีพนักงานอยู่ เขาให้การว่าขาตักน้ำแข็งอยู่ และได้ยินเสียงดังเหมือนมีอะไรร่วง แต่เขาจำได้ว่าขาตราชั่งมันไม่ดีอยู่แล้ว อาจจะร่วงลงมาเอง ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วค่อยไปดู แต่เขาสามารถให้ข้อมูลได้ว่า ผู้ตายแทงตัวเอง ทั้งๆที่ไม่เห็นเหตุการณ์

 

 

        ทั้งนี้บริเวณที่เกิดเหตุ มีกล้องวงจรปิด 3 มุม ซ้าย ,ขวา และ หลังเคาน์เตอร์ ฉะนั้นกล้องจะจับได้บริเวณช่วงเคาน์เตอร์และด้านหน้าเท่านั้น ส่วนกล้องที่สาดเข้ามาทางเคาน์เตอร์ก็มองไม่เห็นอยู่ดี เพราะปิดไฟอยู่มันมืด และมีการห้อยของตกแต่งบริเวณเคาน์เตอร์ด้วย อีกทั้งทางครอบครัวสงสัยว่า ผู้ตายอาจจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครรึเปล่า เพราะผู้ตายเป็น รปภ.อาจจะเคยมีปากเสียงกับใครมาก่อน พอเกิดข้อสงสัย เลยได้ลองเข้าไปอ่านไลน์กรุ๊ปทีม รปภ.ของผู้ตาย พบว่าได้มีการแจ้งพนักงานทุกคนว่าห้ามให้ข้อมูลกับใคร ให้บอกไปว่าทำงานคนละกะกัน นอกจากนี้ ยังมีแชตออกมาด้วยว่าโดนแทง ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม 90% 

 

         นอกจากนี้ ทางรายการได้ข้อมูลจากคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุวันนั้น เผยว่า ตอนเข้าไป เบื้องต้น เห็นศพนอนคว่ำหน้าอยู่ แล้วมีดกระเด็นอยู่ไกลตัวเหมือนกัน ทีนี้ต้องมีการพลิกหน้าขึ้น เพราะว่าต้องตรวจสอบชีพจรว่าเสียชีวิตหรือยัง เขาก็เลยกลับตัวผู้ชายขึ้นมานอนหงาย และมีคนเห็นเหตุการณ์คือ มีคนหนึ่งเขากำลังเรียงน้ำแข็งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เขายืนยันว่าคนเสียชีวิตได้ฆ่าตัวเองตาย ได้แทงตัวเอง แทงแล้วก็ดึงออกเลย ทั้งหมดนี้คือ ทางตร.ได้เก็บกล้องวงจรปิดไปแล้ว

 

 

        สำหรับข้อสงสัยที่ญาติคาใจนั้น รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เผยว่า ในกรณีแบบนี้ จะต้องมีการตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้ามีบุคคลอื่นอยู่ในเหตุการณ์ จะต้องมีร่องรอยแน่นอน ส่วนอาวุธมีดสามารถตรวจรอยนิ้วมือได้ ไม่ต้องกังวล จะมีการตรวจที่เกิดเหตุตรวจเลือดต่างๆ ดูร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้ ตรวจดีเอ็นเอได้ ต้องรอผลชันสูตรศพอีก ซึ่งมันจะบอกเราได้เลยว่า โดนฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย เรื่องบาดแผลของผู้ตายสามารถระบุได้ในระดับนึงว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม กรณีฆ่าตัวตาย ทางทฤษฎี มักจะแทงในลักษณะทิ่มตัวเอง มักจะมีบาดแผลเล็กๆเกิดขึ้นก่อน นำไปสู่การแทงลึกเข้าไป แต่ถ้าบาดแผลที่ถูกคนอื่นแทง การแทงจะแทงเต็มที่และถ้าโดนหลายบาดแผล ทุกบาดแผลความแรงจะคงที่ คนทั่วไปอาจจะเข้าใจว่าถ้าแทงเข้าไปที่อกข้างซ้าย ตำแหน่งหัวใจจะตายทันที ความจริงคือไม่ใช่ การตายทันทีมักจะเกิดขึ้นบริเวณแกนสมองเพราะมีหน้าที่ควบคุมการหายใจ การเต้นของหัวใจ แต่การแทงไปที่หัวใจ หัวใจยังเต้นต่อได้ แต่พอสักพักเลือดจะไหล ซึ่งร่างกายของคนเรามีเลือดประมาณ 60% กว่าเลือดจะไหลจนหมดจนไปถึงภาวะชัก ก็ใช้ช่วงเวลาอยู่ระยะนึง บ่อยครั้งที่มีคนถูกแทงเข้าที่อก สามารถนำส่ง รพ.และรักษาตัวได้ทันเวลาได้ กรณีนี้เป็นไปได้ที่ผู้ตายแทงตัวเองแล้วมีแรงดึงมีดวางบนเคาน์เตอร์ได้ ในบางกรณีก็สามารถเดินได้ในช่วงเวลานั้น ถ้าเขามีแรง 

 

 

         ส่วนข้อสงสัยเรื่องแทงตัวเองและดึงมีดออกมา กรณีนี้สามารถทำได้ครับ และการจะวางมีดที่พื้นหรือวางบนเคาน์เตอร์ ไม่ใช่ประเด็นครับ แต่ประเด็นสำคัญคือการตรวจอาวุธมีดว่ามีลายมือ ดีเอ็นเอ ของคนอื่นหรือไม่ และอย่าเพิ่งไปเชื่อว่าอาวุธมีดนั้นคืออาวุธมีดที่ใช้ในการก่อเหตุ ต้องดูที่บาดแผล ดูว่าความกว้าง ความลึกของมีดเท่าไหร่ มีดคมเดียวหรือสองคม จากนั้นมาดูว่าบาดแผลสอดคล้องกับอาวุธมีดที่อยู่บนเคาน์เตอร์หรือไม่ เรื่องของบาดแผลตามร่างกาย กรณีดั้งจมูกหัก แบบนี้ในประสบการณ์ของหมอ ต้องไปดูที่เกิดเหตุเพื่อเป็นการประกอบ ว่าลักษณะแบบนี้จะเกิดอะไรได้บ้าง จึงจะสามารถอธิบายได้ หรือถ้าไม่ได้ไปดูก็ต้องมีภาพถ่ายเพื่อประกอบการวินิจฉัย จากที่ดูบาดแผลเกิดจากของแข็งที่ไม่มีคมมากระแทก นำไปสู่การคิดต่อว่าคืออะไร อาจจะเป็นไม้ เป็นหมัด ก็ได้ หรืออาจจะเกิดจากการล้มลงไปแล้วเกิดการกระแทกก็ได้ อย่างเรื่องตราชั่งที่ล้มลงมา ก็ต้องไปดูความสอดคล้องว่าหล่นมาได้ยังไง ล้มลักษณะไหน มีลักษณะหรือร่องรอยของเลือดที่เปื้อนหรือไม่ ถ้าผู้ตายแทงตัวเอง แล้วมีเลือดที่มือ แล้วถ้าเอาเลือดไปป้ายที่ตราชั่ง ก็จะต้องมีรอยเลือดอยู่ที่ตราชั่งและสามารถนำเลือดไปตรวจได้ว่าใช่ของผู้ตายหรือไม่

 

         สำหรับประเด็น ที่มีคนเห็นครั้งแรกว่ามีด กระเด็นอยู่ไกลตัว แต่ต่อมากลับพบว่าวางอยู่บนเคาน์เตอร์นั้น จากประสบการณ์ เวลาไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ เช่น กรณีคนแขวนคอถ้าจะตรวจให้ดีต้องไม่เอาศพลงมา แต่ถ้าทางมนุษยธรรมเขาก็จะรีบเอาศพลงมา  เรื่องของอาวุธเราถูกสอนกันอยูแล้ว ถ้าพบเหตุใดก็ตามที่มีคนเสียชีวิต อย่าไปแตะต้องเรื่องของอาวุธ เพราะถ้าแตะต้องอาวุธคุณจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย และถ้ามีการเคลื่อนย้ายอาวุธจริง ก็จะมีรอยนิ้วมือทิ้งไว้บนมีด

 

 

        ฟาก พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผกก.สน.บางยี่ขัน พูดถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ตั้งแต่เกิดหตุ ฝ่ายสืบสวนสอบสวนรวมถึงตัวผม ได้ไปที่เกิดเหตุทันที มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และให้แพทย์ รพ.ศิริราช มาร่วมพิสูจน์ ณ ที่เกิดเหตุ ขณะนี้เราสอบพยานไปหลายปากแล้ว เบื้องต้น ยังไม่มีบุคคลต้องสงสัย และไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเป็นการฆาตกรรม ซึ่งต้องรอผลการตรวจหลักฐานและผลชันสูตรมาประกอบอีกที ตอนนี้ต้องรอผลการตรวจลายนิ้วมือ ร่องรอย ดีเอ็นเอต่างๆ จากทางแพทย์ ตามที่คุณหมอได้พูดเอาไว้ อย่างที่บอกเราไปดูสถานที่มาเคสนี้เป็นเคสที่น่าสนใจ ตำรวจต้องทำให้ละเอียดที่สุด เพื่อทำการวิเคราะห์ต่อไป ทั้ง พฐ. แพทย์ และ ตร. ทำอย่างตั้งใจ เก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว คาดว่าน่าจะรอผลประมาณ 2 สัปดาห์ หากผลออกมาเราจะเชิญคุณพ่อกับคุณน้องมาร่วมด้วยเพื่อความกระจ่างของคดี 

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/GEpXxYCNLG0