วันที่ 21 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ”จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ย้ำว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ซึ่งเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กระทบภาคเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ดังนั้น ต้องให้ทุกภาคส่วน ร่วมทั้งคนไทยต้องช่วยกัน แก้ไขปัญหาด้วยความเข้าใจ โดยให้กระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนน้อยที่สุด
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติให้ได้โดยเร็วที่สุด คาดการณ์ภายในปี 2565 เศรษฐกิจจะฟื้นตัว หากไม่มีโรคระบาดใหม่ ไม่มีภาวะอื่นๆ เข้ามาแทรกซ้อน
“ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้งบประมาณกว่า 25% ของจีดีพี ในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด และทุกวันนี้สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เห็นได้จากช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา ผู้ร่วมงานใส่หน้ากาก 100% แต่ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาต้องทำควบคู่ไปกับการรับมือกับเศรษฐกิจและด้านความมั่นคงด้วย ภายใต้กฎหมายและข้อตกลงต่างๆ“ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรียังคงเน้นย้ำให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนให้ได้มากที่สุด ยืนยันว่าขณะนี้วัคซีนมีเพียงพอกับประชากรทั้งประเทศแล้ว โดยภายในเดือนนี้ตั้งเป้าจะฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส ขณะเดียวกันในปีหน้ามีสำรองอีกกว่า 70 ถึง 80 ล้านโดส ไว้ใช้สำหรับบูสเตอร์ นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังวิจัยและพัฒนาวัคซีนเป็นของตัวเอง ซึ่งได้รับการตรวจสอบจากองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด เมื่อมีผลสำเร็จสามารถใช้กับคนได้ ก็จะมีวัคซีนมากพอโดยไม่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของหอการค้าไทย เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ยอมรับว่าอาจจะมีปัญหาบ้างเพราะธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เสี่ยงต่อการเป็นหนี้เสีย ผู้จะเข้าไปกู้ยืมเงินก็จะต้องมีหลักฐานเอกสารที่เพียงพอ เพือสร้างความเชื่อมั่นให้กับแหล่งเงินทุนได้ และที่สำคัญ ผู้ประกอบการต้องขึ้นทะเบียนให้สามารถตรวจสอบได้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจ 4 ไตรมาสที่ผ่านมามีทิศทางที่ดีขึ้น และคาดการณ์ว่าในปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะไม่ติดลบแต่อาจเพิ่มไม่มาก ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางที่ดีขึ้นสำหรับระบบเศรษฐกิจไทย
+ อ่านเพิ่มเติม