บิ๊กตู่ ปลื้ม ครม.สัญจรภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่งสัญญาณไทยพร้อมเดินหน้าพลิกโฉมประเทศ
logo ข่าวอัพเดท

บิ๊กตู่ ปลื้ม ครม.สัญจรภาคใต้ฝั่งอันดามัน ส่งสัญญาณไทยพร้อมเดินหน้าพลิกโฉมประเทศ

ข่าวอัพเดท : วันที่ 17 พ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลางโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan บิ๊กตู่,ครมสัญจร,เดินหน้าพลิกโฉมประเทศ,นายก,ประยุทธ์,อันดามัน,ประชุม,เปิดประเทศ

702 ครั้ง
|
18 พ.ย. 2564
         วันที่ 17 พ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงกลางโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 ประจำปี 2564 รวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง ว่า เมื่อวานนี้ (16 พ.ย.64) เป็นอีกวันที่รู้สึกยินดีที่ได้มาลงพื้นที่ตรวจราชการพื้นที่ภาคใต้ ได้สัมผัสถึงความพร้อมอย่างเต็มที่ของพี่น้องประชาชน ในการต้อนรับผู้ที่มาเยือน เพื่อเดินหน้าประเทศแบบ New normal ซึ่งภายหลังการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา มีผู้ที่เดินทางเข้าประเทศแล้ว 54,939 คน ในจำนวนนี้ พบว่าติดเชื้อโควิดเพียง 65 คน หรือ 0.12% ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนที่น้อย และสามารถบริหารจัดการได้ โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อส่วนรวม
 
        สำหรับการประชุม ครม. สัญจร และการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 6 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 6 จังหวัด พร้อมด้วยผู้แทนภาคเอกชนนั้น ถือว่าเกิดผลสำเร็จในหลายประการ เช่น
 
1. การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแก่ชุมชน เนื้อที่รวม 4,105 ไร่ ใน 21 จังหวัด โดยมีพื้นที่ภาคใต้ 12 จังหวัด เพื่อลดความขัดแย้งในเรื่องการบุกรุกครอบครองผืนป่าชายเลน แล้วเพิ่มการส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าชายเลนต่อไป
 
2. การผลักดันโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี จำนวน 7 โครงการ  วงเงิน 494 กว่าล้านบาท ได้แก่
     1. โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
     2. โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง
     3. โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จังหวัดระนอง
     4. โครงการ Phuket Health Sandbox จังหวัดภูเก็ต
     5. โครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา จังหวัดพังงา (The Park Khaolak)
     6. โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสาร-ท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด จังหวัดกระบี่
     7. โครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา จังหวัดกระบี่ ซึ่งทั้ง 7 โครงการนี้ จะช่วยสร้างความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในจังหวัดภาคใต้ตามนโยบายเปิดประเทศ
 
3. การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการงานเมกะอีเวนต์ 3 รายการ ได้แก่ งาน Expo2028 Phuket-Thailand ในปี 2571 เพื่อผลักดันบทบาทของประเทศไทยและภูเก็ตให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก รวมทั้ง มหกรรมพืชสวนโลก 2 ครั้ง ที่จังหวัดอุดรธานี ในปี 2569 และจังหวัดนครราชสีมา ในปี 2572 เพื่อแสดงศักยภาพในการวิจัย พัฒนา และเทคโนโลยี ด้านพืชสวนแบบครบวงจรของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ระดับโลก และต่อยอดเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และศูนย์กลางนวัตกรรมด้านการเกษตร ในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (GMS) ที่สามารถต่อยอดสู่เศรษฐกิจ BCG Model หากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ เมกะอีเวนต์ทั้ง 3 งาน ประเมินได้ว่าจะสามารถสร้างการจ้างงาน 230,442 คน สร้างเงินสะพัดในประเทศรวม 100,173 ล้านบาท เก็บภาษีเข้ารัฐ 20,641 ล้านบาท และผลักดันการเติบโตให้จีดีพีได้ 68,520 ล้านบาท
 
         นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบให้เสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติ พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา และภูเก็ต ประกอบด้วย 6 พื้นที่อุทยาน และ 1 พื้นที่ป่าชายเลน พื้นที่รวมกว่า 2,908 ตารางกิโลเมตร ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก ซึ่งล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงอนุรักษ์ที่สำคัญ ที่นอกจากสร้างรายได้หล่อเลี้ยงชาวชุมชนแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก เช่น ชะนีมือขาว ค้างคาวแม่ไก่เกาะ กระเบนราหู วาฬหัวทุย โลมา เต่ามะเฟือง เต่าหญ้า ที่นับวันจะลดลงไปมาก ดังนั้น เราต้องรักษาระบบนิเวศเหล่านี้ไว้ให้ดี เพื่ออนุรักษ์สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภาคภูมิใจต่อไป
 
      พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า “ผมเชื่อว่าในการลงมาประชุม ครม.สัญจร ที่ภาคใต้ในครั้งนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณต่อทั้งพี่น้องชาวไทยในประเทศ รวมถึงทั่วโลก ว่าประเทศไทยเราพร้อมที่จะกลับมาเดินทาง และเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจอีกครั้ง ภายใต้การควบคุมโรคที่เหมาะสม และประเทศไทยพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เพื่อพลิกโฉมประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเกษตร สิ่งแวดล้อม นวัตกรรม โลจิสติกส์ การคมนาคมขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานในทุกภูมิภาคของประเทศ ผมขอให้พวกเราทุกคนมาร่วมมือช่วยกัน ทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงโดยเร็ว เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องชาวไทยทุกคนครับ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง