กุมขมับ! โจรขึ้นบ้าน ของหายวับ 3 ล้าน ตำรวจจับคนร้ายไม่ได้ แต่เจ้าของบ้านรู้เบาะแสสำคัญ

         วันที่ 17 พ.ย.64 นายธนาวุฒิ ปิยะวัฒนาพันธ์ หรือ โบ และ น.ส.นันทวรรณ พันธุ์อินทร์ หรือ แอน ผู้เสียหาย ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เกิดเหตุเมื่อเช้าวันที่ 27 ต.ค. ตนกำลังเดินทางไปทำงานที่แสมสาร ข้างบ้านโทรมาบอกว่าบ้านโดนงัด ก็เลยต้องรีบกลับมาดู ข้างในบ้านเละเทะมาก ของที่หายไปมีทั้ง สร้อย พระเครื่อง ของเก่า พระเครื่องมีประมาณ 200 องค์ เป็นกล่องที่พ่อแม่เก็บเอาไว้ ซึ่งตนไม่เคยเปิดดูเลย ไม่เคยคิดเอาออกมาใช้ หรือเอาไปขาย ตีมูลค่ารวมๆประมาณ 3 แสนบาท , สร้อยของพ่อที่เอาไว้ใส่ออกงาน ,สร้อยข้อมือมีจี้รูปหัวใจ , สร้อยคอทองคำเส้นที่ขาดเป็นของคุณย่า ซึ่งเป็นของเก่าที่เก็บไว้ มีคุณค่าทางจิตใจ ,แหวนแต่งงาน , เข็มขัดนาค ,เงินสดในกระปุกออมสิน , เครื่องรางของขลัง , ตะกรุด มูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 3 ล้านบาท แต่ของใหม่ พวกของแบรนด์เนม ทีวีดิจิทัล ไม่หายเลย มีกระเป๋าที่หายไป เป็นเป้ 2 ใบ กระเป๋าอีก 5 ใบ คาดว่าคนร้ายคงเอาของที่ขโมยมาใส่กระเป๋าพวกนี้ออกไป วันนั้นเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบห้อง เก็บลายนิ้วมือ แล้วให้ไปแจ้งความ ตนก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ด้วยความร้อนใจ พออีกวันก็เลยออกไปหาหลักฐานเอง เริ่มจากตระเวนขอดูกล้องวงจรปิดจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้น เดินไล่ขอดูกล้องตามแฟลต ซึ่งตนใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดประมาณ 1 อาทิตย์ 

 

        เมื่อได้คลิปจากกล้องวงจรปิดมา ก็นำมาประติดประต่อจนเห็นว่าผู้ต้องสงสัยเริ่มจากไหน ไปจบที่ไหน ไล่กล้องไปเรื่อยๆ จนมาเจอผู้ต้องสงสัย ขี่ จยย.คันหนึ่ง เอารถมาแอบหลังกล้องตรงแถวอู่รถเมล์ ตนสงสัยว่าเขาเอารถไปจอดหลังกล้องแล้วเดินขึ้นแฟลตไป เวลาประมาณ 02.00 น. โดยปกติ จยย.คนในแฟลตจะไปจอดอีกที่หนึ่ง ไม่มีใครจอดตรงนี้ เพราะมันเป็นที่เปลี่ยว พอไล่ไปกล้องวงจรปิดอีกคลิปจะเห็นว่าเขาลงจากรถแล้วเดินขึ้นแฟลตไป ใช้เวลาอยู่บนแฟลตประมาณ 28 นาที ตอนแรกเขาเดินไปเดินมา คล้ายๆ เหมือนเดินดูลาดเลาก่อนเดินขึ้นแฟลต เวลาประมาณ 02.28 น. เขาขี่รถออกมาไปทางหอนาฬิกา นี่คือหลักฐานแรกที่ได้มา ทำให้ตนมีแรงตามหาผู้ต้องสงสัยรายนี้ ต่อมาตนก็ไปขอดูกล้องวงจรปิดตามเสาของ กทม. โดยจดรหัสกล้องมา ไปปรึกษาร้อยเวร เขาบอกให้เอาใบแจ้งความไปขอที่เขตได้เลย 24 ชม. ซึ่งตนก็เห็นคลิปนึงที่จับภาพผู้ต้องสงสัยที่มีกระเป๋าเป้สีแดง ซึ่งมันเป็นกระเป๋าของตนไว้ได้ มั่นใจว่าเป็นกระเป๋าของตนแน่นอน ซึ่งช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเคอร์ฟิว มีรถวิ่งน้อย ทำให้หารถของผู้ต้องสงสัยได้ง่าย

 

 

        กล้องวงจรปิดอีกภาพเป็นจังหวะที่ จยย.ตีโค้งออกไป เขามุ่งหน้าไปทางสามแยกตลาดประชาสงเคราะห์ 43 ก่อนเข้าไปทางวัดกุนนทีรุทธาราม เมื่อตามดูกล้องไปเรื่อยๆ จยย.ต้องสงสัยเลี้ยวเข้าไปในซอยตัน ที่มีบ้านอยู่เพียงหลังเดียว ซึ่งคนละแวกนั้นเรียกกันว่าซอยโจร ตนก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัว อาศัยถามจากวัยรุ่นที่อยู่แถวนั้น รู้ว่าซอยนั้นไม่สามารถทะลุออกไปไหนได้เข้าออกเพียงแค่ทางเดียว ซึ่ง จากกล้อง จยย.คันดังกล่าวเข้าไปเวลา 02.31 น. เพียงแค่ 3 นาที ก็ขี่ออกมาอีกพร้อมหมวกกับกันน็อค แต่ไม่มีกระเป๋าแล้ว เขาขี่กลับไปที่แฟลตอีกรอบเพื่อมาเอาของอีกครั้งในวันนั้น ตอนแรกตนเข้าใจว่ามีคนร้าย 2 คน แต่เมื่อสังเกตดีๆแล้วจึงทราบว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกัน แต่มาขโมยของ 2 รอบ เพราะไปเช็คกล้องตัวแรกแล้วเห็นแสงไฟรถเข้าไปในแฟลต แล้วขี่กลับออกมาอีก แต่รอบ 2 คนร้ายอยู่ไม่นาน ตนมาทราบจากเพื่อนบ้านชั้นบนว่าประมาณ ตี 2 ครึ่ง ได้ยินเสียงประตูดังปัง แล้วก็ได้ยินเสียง จยย.ขี่ออกไป ตอนแรกเพื่อนบ้านคิดว่าแถวนั้นมีการก่อสร้าง ไม่ได้เอะใจอะไร ตนก็คิดว่าพอประตูมันเสียงดัง คนร้ายคงตกใจแล้วหนีออกไป ตนเอาหลักฐานเหล่านี้ไปให้ตำรวจทุกอย่าง ชี้ให้เขาดูว่าเจอเบาะแสน่าสงสัย คุยกับสืบว่าจะขอหมายศาลค้นบ้าน เขาก็ให้รอก่อน ตำรวจให้ตนไปสืบหาบ้านเลขที่นั้นมาให้ เพื่อที่จะเอาไปขอหมายศาลค้นบ้านหลังนั้น แต่ตนหาให้ไม่ได้ สืบบอกว่าจะยื่นเรื่องให้วันอังคาร ตนก็รอตามวันนัด พอวันอาทิตย์ สืบอีกคนไลน์มาหาบอกว่าเข้าไปค้นบ้านหลังนั้นแล้ว ไม่เจออะไรเลย ตนก็งงว่าทำไมเขาเข้าไปโดยที่ไม่มีตนไปด้วย แล้วตอนแรกไหนว่าจะรอหมายศาล แล้วพอเข้าไปค้นก็ไม่พบอะไรเลย เรื่องการหาหลักฐานตนยินดีช่วย เพราะเข้าใจว่าตร.คงงานล้นมือ

 

 

        ตอนนี้ที่ตนสงสัยคือ หน้าปากซอยบ้านนั้นมีแผงพระ และเจ้าของบ้านหลังนั้นก็เป็นเจ้าของแผงพระเครื่อง มันเลยทำให้ตนรู้สึกติดใจสงสัยเข้าไปอีก เคสของตนไม่ใช่กรณีแรก ที่แฟลตนี้โดนงัดห้องกันหลายรอบมาก แต่ไม่มีการจับคนร้ายได้สักราย และปรากฎว่าหลายห้องที่โดนงัด ของที่หายก็คือพระเครื่องเหมือนกัน ส่วนที่คนสงสัยว่า ตนเก็บของมีค่าเยอะแยะแบบนี้ไว้ที่บ้านทำไม เพราะตนอยู่ที่นี่มา 40 กว่าปีแล้ว มั่นใจว่ามีการล็อกบ้านเป็นอย่างดี และบ้านอยู่ใกล้ สน. ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตอนนี้ตนไม่คาดหวังว่าจะได้ของคืน แต่อยากให้จับคนร้ายให้ได้ คนอื่นจะได้ไม่โดนแบบตนอีก

 

 

        สำหรับเรื่องข้อกฎหมายในคดีนี้ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เผยว่า การไล่ดูหลักฐานตามกล้องวงจรปิด มันควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร้อยเวรน่าจะให้หน่วยสืบสวนประจำโรงพักไปไล่ดูหลักฐาน เพราะถ้าให้ผู้เสียหายเอาใบแจ้งความไปหาเอง ทางเขตเองอาจจะให้ไม่ได้ หรือไม่แน่ใจว่าเอกสารเป็นของจริงหรือของปลอม และจากภาพวงจรปิดที่ได้มา ผู้ต้องสงสัยไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค ทำให้เห็นรูปพรรณสันฐานได้ง่าย ถ้าสืบนครบาลเอาจริงเชื่อว่าตามจับไม่ยาก นี่ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของการสืบสวนที่ประชาชนทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ต้องไม่ลืมว่าทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นของร้อน อยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมงก็อาจจะมีการเปลี่ยนมือไปแล้ว ทั้งนี้หากใครมีเบาะแส หรือพบเห็นของต้องสงสัยว่าจะเป็นของที่ขโมยมา สามารถแจ้งมาได้ เพราะโทษของการรับของโจร โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สรุปผลโพล คุณคิดว่า ตำรวจจะจับคนร้ายได้หรือไม่?

 

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/66CGhBk5yH4