พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเปิดแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว จ.ระนอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยใช้ธรรมชาติและธาราบำบัด ที่เป็นที่นิยมของบุคคลทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงพี่น้องประชาชนจังหวัดระนอง ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำการปิดเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ปัจจุบันความสวยงามของธรรมชาติต่าง ๆ ได้ฟื้นตัว จึงเปิดการท่องเที่ยว แบบ New Normal National Park สอดรับกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อย่างเคร่งครัด ทั้งยังเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของจังหวัดระนองและของประเทศ อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวได้ผ่านมาตรฐาน SHA Plus พร้อมวางมาตรการในการท่องเที่ยวบ่อน้ำแร่ร้อน ให้กับประชาชนที่จะพาครอบครัวมาท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และพร้อมเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเข้ามารับบริการ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 นี้
หลังจากนั้น พลเอก ประวิตร ได้เดินทางไปยังสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าในช่องตะวันตก ถนนสายสาม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ คทช. ในโอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรีได้มอบ หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ในเขตปฏิรูปที่ดิน (สำหรับสถาบันเกษตรกร) โดยมอบให้แก่ตัวแทน 2 สหกรณ์ คือ สหกรณ์การเกษตรเมืองใหม่เขาพนม จำกัด เนื้อที่ประมาณ 976-0-03 ไร่ และสหกรณ์การเกษตรกระบี่น้อยพัฒนา จำกัด เนื้อที่ประมาณ 973-1-94 ไร่ และมอบกล้าไม้เศรษฐกิจ จำนวน 400 กล้าให้กับผู้นำชุมชน เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่ที่ได้รับสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในพื้นที่ คทช. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย สามารถปลูกไม้เศรษฐกิจและตัดขายได้เพื่อเป็นทุนออมในอนาคต โดยในปี 2564 กรมป่าไม้ ได้เพาะกล้าไม้เพื่อสนับสนุนและแจกจ่ายให้กับประชาชนในโครงการ คทช. จำนวน 30,870,000 กล้า และแจกจ่ายไปแล้ว 14 ล้านกล้า คงเหลือกล้าไม้ในพื้นที่ คทช. จำนวน 16 ล้านกล้า ทั้งนี้ กรมป่าไม้ ยังมีกล้าไม้สำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องการปลูกต้นไม้อีกจำนวน 63 ล้านกล้า สามารถรับกล้าได้ฟรี ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ และสถานีเพาะชำทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช. โดยจังหวัดกระบี่ได้จัดสรรที่ดินทำกินให้ราษฎร จำนวน 34 แห่ง โดยแบ่งเป็น ป่าสงวนแห่งชาติ 4 แห่ง ป่าชายเลน 29 แห่ง และพื้นที่ปฏิรูปดิน (ส.ป.ก.) 1 แห่ง สำหรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าในช่องฝั่งตะวันตกถนนสายสาม ท้องที่ตำบลทับปริก ตำบลเขาทอง และตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มีการออกหนังสืออนุญาตให้จังหวัดกระบี่เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 แล้ว และมอบสมุดประจำตัว ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในพื้นที่ คทช. จำนวน 219 แปลง 201 ราย เนื้อที่ 1,775-3-86 ไร่ ตลอดจนมีการ ดำเนินการขับเคลื่อนส่งเสริมการรวมกลุ่มให้กับราษฎรผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินในพื้นที่
พลเอก ประวิตร ได้สั่งการ ให้ทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ คทช. อย่างต่อเนื่อง ในส่วนการแจกจ่ายกล้าไม้เศรษฐกิจให้กับประชาชนนำไปปลูกเพื่อเป็นรายได้ในอนาคต ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนกล้าไม้ และให้คำปรึกษาในทางวิชาการ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มสหกรณ์ ส่งเสริมพัฒนาอาชีพหลักและอาชีพเสริม เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์สามารถต่อยอด มีความเข้มแข็ง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคที่จำเป็นในพื้นที่ ดำเนินงาน คทช. และได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล หากมีปัญหาอุปสรรค ให้ประสานคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) หรือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาประเทศต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม