แบบนี้ได้เหรอ? พ่อร้อง รถชนลูกตาย ตำรวจจับคนร้ายไม่ได้ แต่พ่อเด็กหาเจอ!

        ล่าสุด วันที่ 16 พ.ย.64 นายเทพกานต์ คุ้มศรีษะ พ่อของผู้เสียชีวิต ได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ช่วงที่เกิดเหตุ ตนทำงานอยู่กรุงเทพฯ มีคนโทรมาหาบอกว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถล้มที่ จ.นครพนม ถูกรถใหญ่เหยียบซ้ำ และรถได้วิ่งต่อไปจนถึงปั๊มน้ำมัน เลยจากจุดเกิดเหตุไปอีกประมาณ 100 เมตร เป็นรถสีเหลือง หลังจากนั้นกู้ภัยก็มาถึงไม่เกิน 5 นาที ได้ไปถ่ายรูปเก็บหลักฐาน จากนั้นคนขับรถก็ได้ลงมาจากรถ แล้วโทรศัพท์คุยเป็นภาษาอีสานว่า ข้อยเหยียบเด็กผู้ชายตาย จะให้ทำยังไง ซึ่งบริเวณนั้นก็มีพยานอยู่หลายคน พอคนเริ่มมามุงดูเยอะขึ้น คนขับก็อาศัยจังหวะชุลมุน ขับรถหนีไปเลย

 

 

        ด้าน สุจิตรา กาดี แม่ของผู้เสียชีวิต เผยว่า ตอนที่พลเมืองดีโทรมาบอกว่าลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ก็พูดอะไรไม่ออกเลย ได้แต่โทรไปบอกให้น้องสาวรีบไปดู ตอนแรกคิดว่าคงเจ็บ แขนหัก ขาหัก แต่ไม่คิดว่าจะตาย ที่บ้านพอทราบข่าวก็ช็อกมาก พอน้องสาวไปถึงจุดเกิดเหตุ น้องก็ยืนยันว่าลูกเราเสียชีวิตแล้ว แต่เขาไม่กล้าให้เราดูรูปศพลูกเลย เขากลัวเราทำใจไม่ได้ ตอนนั้นในใจเราคิดแค่เรื่องเตรียมตัวกลับบ้านอย่างเดียวเลย

 

 

         นายเทพกานต์ เล่าว่า หลังเกิดเหตุตนก็รีบกลับนครพนมเพื่อไปแจ้งความ แต่ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความ อ้างว่าเป็นคดีของรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหาย พวกคุณไม่ใช่ฝั่งเสียหาย เพราะมีคนบอกว่าลูกตนรถล้มหัวฟาดพื้นตายเอง แถมไล่ให้ตนไปหาพยานหลักฐานมาเอง ตนก็สังสัยว่าท่านเป็นตำรจทำไมมาให้ตนไปหาหลักฐานมาเอง แล้วตนจะหายังไง มันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่เหรอ เขาตอบกลับว่าดูให้แล้ว ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ตำรวจสรุปสำนวนคดีให้ลูกตนรถล้มตายเอง ใบชันสูตรการเสียชีวิตของแพทย์บอกว่าการเสียชีวิตยังไม่แน่ชัด ตนเลยขอให้ส่งไปตรวจอีกที่นึง เขาก็นัดไปทำเอกสารตอนเช้า กว่าจะทำเสร็จก็ตอนเย็น ซึ่งตอนส่งศพไปชันสูตรนั้นตนเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด เป็นคนพาศพลูกไปอีก รพ.ด้วยตัวเอง จนท.ไม่อำนวนความสะดวกอะไรเลย หลังจากส่งไปชันสูตร อีก รพ. ตำรวจก็ไม่เคยอัปเดตความคืบหน้าอะไรอีกเลย ส่วนใบแพทย์มีการระบุมาแล้วว่า สาเหตุการตายเกิดจากการโดนรถเหยียบทำให้ศีรษะแตกละเอียด แต่ตำรวจกลับส่งชันสูตรอีกครั้งและใบชันสูตรกลับระบุว่าไม่น่าจะเกิดจากการถูกรถเหยียบ แล้วที่ตำรวจบอกว่าไม่มีหลักฐาน ตนก็วิ่งหาหลักฐานเอง ตระเวนหาว่ามีใครเห็นเหตุการณ์บ้าง ก็ไปเจอเด็กปั๊มและพลเมืองดีอีกคนที่เห็นเหตุการณ์ 

 

          หลังจากนั้นตนก็ตามสืบจนเจอตัวคนขับรถเหยียบลูก เจอรถเขาจอดไว้ที่บ้าน ตนถ่ายวิดีโอ ถ่ายภาพเก็บไว้หมด เขาเป็นคนในพื้นที่ แต่อยู่คนละหมู่บ้าน แต่ตนไม่ได้มีโอกาสเจอเขา มาเจอเขาตอนแอบไปโรงพักกับทนาย 2 คน เขาใช้เวลาคุยกับตำรวจประมาณ 3-4 ชม. จากนั้นตำรวจก็ออกมาบอกตนว่า เขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำผิด เขาให้การว่าขับรถคันนี้จริง แต่ไม่ได้ไปเหยียบคนตาย ตนก็ถามตำรวจว่าจะทำยังไงต่อ ทางตำรวจบอกว่าเขาบอกว่าไม่ได้เหยียบ ก็คือไม่ได้เหยียบ พอตนได้ยินแบบนั้นก็เสียใจมาก คนที่ขับรถชนลูกตน เหมือนจะเป็นผู้กว้างขวาง ทำงานเป็นฝ่ายปกครอง ตำแหน่งหน้าที่การงานค่อนข้างจะดี

 

         ฟาก บอล พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ เล่าถึงวันเกิดเหตุว่า วันนั้นตนขี่จยย.ติดไฟแดง กับ น้องฟิล์ม (ผู้เสียชีวิต) พอไฟเขียวน้องฟิล์มก็แซงขึ้นไป แล้วน้องฟิล์มจะแซงสามล้อ ก็เลยเกี่ยวกันแล้วล้ม จากนั้นรถใหญ่สีเหลืองที่ตามมาก็วิ่งทับไปที่หัวน้อง แล้วขับไปต่อเลย แล้วไปจอดที่ทางออกปั๊ม ไกลจากที่เกิดเหตุพอสมควร ตนก็ขี่ไปดูน้อง เห็นน้องไม่ได้สติ เลยรีบโทรหากู้ภัย แต่ตนไม่ได้อยู่รอจนกู้ภัยมา เพราะต้องรีบไปก่อน

 

         ทางรายการได้ติดต่อไปยัง สุเทพ ผู้ต้องสงสัยขับรถเหยียบน้องฟิล์มเสียชีวิต โดยเจ้าตัวยืนยันว่า เป็นผู้ขับรถคันที่เห็น แต่ไม่ได้เป็นคนขับรถทับผู้เสียชีวิต เพราะผลตรวจออกมาแล้วว่าไม่ได้ทับคนตาย ยอมรับว่าวันนั้นอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่เอารถไปจอดหน้าปั๊ม เพราะจอดรถลงไปดูอุบัติเหตุ เนื่องด้วยตนเป็นจิตอาสา แล้วคิดว่าเป็นคนในหมู่บ้าน เป็นลูกเป็นหลาน วันนั้นเห็นเด็กนอนอยู่มีรถกู้ชีพมารับพอดี รถกู้ชีพใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึง ซึ่งสภาพศพก็ไม่มีร่องรอยรถทับ วันนั้นผมก็ขับรถอยู่ในเลนของผม จยย.ก็อยู่ในเลนของ จยย. ผมได้โทรบอกญาติบอกเมียว่าเห็นรถชนกัน

 

          ฟาก ยุ้ย หนึ่งในพยานในเหตุการณ์ เล่าว่า วันเกิดเหตุ มีรถสองแถวขี่เลยปั๊มไปนิดนึง จากนั้นเจ้าของรถสองแถวรีบวิ่งไปดูน้องที่เสียชีวิต วิ่งไปพร้อมกับหนู เขาก็เห็นสภาพน้องผู้เสียชีวิต  แล้วเขาก็หยิบมือถือโทรไปคุยกับคนที่บ้าน บอกว่า เฒ่าๆ ข้อยขับรถเหยียบคนตาย ยืนยันว่าได้ยินชัดเจนจากหู เขาพูดชัดเจนว่าเป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้เคยให้ปากคำกับตำรวจไปแล้ว 

 

 

         ขณะที่ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ข้อมูลทางกฎหมายถึงเคสนี้ว่า กรณีนี้จริงๆต้องตั้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เรื่องนี้ยอมความไม่ได้ จะไปตั้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย ทั้งๆที่มีคู่กรณีมันไม่ได้ ต้องมีใครแหกตาอัยการแน่นอน ส่วนเรื่องใบชันสูตร ต้องมีใบเดียว การที่ตำรวจส่งชันสูตรซ้ำอีกครั้ง มันผิดปกติ แพทย์ที่เซ็นครั้งที่ 2 กับตำรวจที่เซ็น ต้องรับผิดชอบ เรื่องการตั้งข้อหา ข้อมูลรายละเอียดในคดี ปกติแล้วตำรวจสามารถให้รายละเอียดได้ว่ามีการตั้งข้อหาอะไรบ้าง แต่นี่ไม่ยอมบอกเลย ซึ่งผมเองได้ติดต่อไปยังตำรวจที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ถามถึงความคืบหน้า การแจ้งข้อหาต่างๆ เขาก็บอกแค่ว่าบอกไม่ได้ ตลอดชีวิตเป็นทนายมาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

 

 

         ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยถึงประเด็นนี้ว่า ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ความสำคัญคือร้อยเวรต้องไปดูสถานที่เกิดเหตุ ต้องนำรถดังกล่าวไปพิสูจน์หลักฐาน ต้องมีการไล่กล้องวงจรปิด และดูว่ามีรถใครบ้างที่ผ่านบริเวณนั้นในวันเกิดเหตุ กรณีที่มีคนเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหาย ถ้ามันเป็นเรื่องรถชนกัน แล้วคนตาย ตายได้ยังไง ร้อยเวรจะต้องดูเรื่องนี้ให้ดี ส่วนญาติผู้ตาย สามารถทำหนังสือยื่นมาที่กระทรวงยุติธรรม ถ้าอยู่ต่างจังหวัด สามารถทำเรื่องยื่นไปที่ยุติธรรมจังหวัดได้ จากนั้นจะมีการตรวจสอบ และจะให้นำรถไปตรวจสอบโดยนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้งได้ ถ้าหากมีการสงสัยในเรื่องของหลักฐาน ส่วนเรื่องเสียชีวิต สามารถยื่นขอเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรมได้ เพราะเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ และถ้าหากกังวลเรื่องการข่มขู่ สามารถยื่นขอคุ้มครองพยานได้

สรุปผลโพล คุณคิดว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิต จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่?

 

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/Dix6Xgvoakc