ลูกหนี้ ร้องกองปราบฯ กู้เงินนอกระบบ เจอพิษดอกโหด กู้ทบต้น เป็นทอดๆ รวม 10 คน จากหนี้ 5 พัน พุ่งเป็น 1.9 ล้านบาท ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
วันที่ 3 พ.ย. นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พา น.ส.ก้อย อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้น ปวส. ของสถานศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร พร้อมแม่เข้าร้องขอช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปราม
เนื่องจาก น.ส.ก้อย ได้ไปกู้เงินจากเจ้าหนี้รายหนึ่งที่พบกันภายในเฟซบุ๊ก เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 โดยจะต้องนำเงินมาคืนภายใน 3 วัน ซึ่งเธอหวังว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลงทุนขายเนื้อหมูเพื่อหารายได้พิเศษ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวกลับไม่ได้นำเงินไปลงทุนตามที่คาดหวังไว้ เพราะคิดว่าไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ตามเวลาที่สัญญากับเจ้าหนี้จึงเก็บเงินจำนวนดังกล่าวไว้
ต่อมาก็ถูกเจ้าหนี้รายดังกล่าวทวงเงินทั้งในโลกโซเชียลและตามมาถึงที่บ้าน เธอจึงตัดสินใจไปกู้เงินต่อจากเจ้าหนี้รายอื่นๆ เป็นทอดๆ รวม 10 คน เพื่อนำเงินมาคืนให้กับเจ้าหนี้แต่ละราย โดยเป็นการกู้หนี้ในลักษณะเป็นวงทบต้นทบดอกต่อเนื่องกัน รวมมูลค่าแล้วมียอดหนี้มากกว่า 1.9 บาท ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ซึ่งที่ผ่านมา เธอได้พยายามหาเงินมาคืนให้กับเจ้าหนี้แต่ละคนโดยมีหลักฐานเป็นหลักฐานการโอนเงิน
ต่อมาเธอก็ถูกเจ้าหนี้แต่ละคนซึ่งมีทั้งลูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร อาจารย์ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง และคนรู้จักอีกหลายคน มาติดตามทวงหนี้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน บางรายมีลักษณะการข่มขู่ว่าจะเอาชีวิตหากพบหน้าหรือเดินทางไปเรียนหนังสือ ทำให้เธอรู้สึกกลัว
ทั้งนี้ เธอพยายามโทรไปพูดคุยไก่เกลี่ยกับเจ้าหนี้แต่ละคนแต่เจ้าหนี้ทั้งหมดก็ไม่ยอมรับการชำระหนี้แบบรายงวด เพราะไม่เชื่อว่าทางครอบครัวจะใช้เงินได้ทั้งหมด จึงต้องการให้จ่ายหนี้เป็นก้อนทั้งเงินต้นเงินดอกทั้งหมด จนเวลาล่วงเลยไปยอดนี่ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากนายสนธิญาฯ
โดยเธอ ยืนยันว่า ตัวเองมีความบริสุทธิ์ใจในการกู้เงินดังกล่าวเพื่อนำไปลงทุนขายเนื้อหมูช่วยหารายได้เสริมให้กับครอบครัวในช่วงที่โรงเรียนปิดอยู่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิค 19 และตั้งใจจะคืนเงินทั้งหมดให้กับเจ้าหนี้ แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดการกู้เงินแบบทบต้นทบดอกเป็นวงกลมจนทำให้มีหนี้เฉพาะเงินต้นเกือบ 2,000,000 บาทนั้น เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่อยากให้ครอบครัวรู้ จึงตัดสินใจกู้เงินจากเจ้าหนี้นับ 10 ราย โดยเงินจำนวนดังกล่าวใช้ไปกับการคืนเงินต้นและเงินดอกให้กับเจ้าหนี้ และไม่ได้นำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือนำไปเล่นการพนันอย่างที่หลายคนตั้งข้อสงสัย หากสามารถเคลียร์ยอดหนี้ทั้งหมดได้ยืนยันว่าจะไม่กู้เงินในลักษณะดังกล่าวอีกเพราะเข็ดแล้ว
ด้านพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามได้รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้ และจะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบเพื่อหาทางช่วยประสานงานกับเจ้าหนี้ทั้ง 10 ราย ในการประนอมหนี้และชำระเงินต้นและเงินดอกตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
+ อ่านเพิ่มเติม