ร้องเอาผิด อดีต ขรก.สาว ปลอมโฉนดที่ดิน หลอกเงินคนแก่ สูญเกือบ 30 ล้าน
logo ข่าวอัพเดท

ร้องเอาผิด อดีต ขรก.สาว ปลอมโฉนดที่ดิน หลอกเงินคนแก่ สูญเกือบ 30 ล้าน

ข่าวอัพเดท : คืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบ 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้ทยอยนำเอกสารหลักฐานการกู บุรีรัมย์,ข้าราชการ,อบต,ปลอม,โฉนดที่ดิน,หลอกเงิน,กู้เงิน,หลอกชาวบ้าน,คนแก่

771 ครั้ง
|
04 พ.ย. 2564
      คืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.กระสัง  อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เกือบ 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ได้ทยอยนำเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน โฉนดที่ดินปลอม และคู่มือรถยนต์ที่ถูกปลอมแปลงขึ้น เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์  ให้ดำเนินคดีกับนางอี๋ อายุ 42 ปี อดีตข้าราชการสาว ระดับปฏิบัติการประจำ อบต.แห่งหนึ่งในจ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้ชิงลาออกจากราชการไปแล้วเมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา  ทั้งยังเป็นภรรยาของอดีตรองนายก อบต.ดังกล่าวด้วย โดยชาวบ้านที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้กล่าวหาว่า นางอี๋ ได้มาหลอกล่อขอยืมเงินกับชาวบ้าน ญาติพี่น้อง ผู้สูงอายุ รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่ อบต. โดยอ้างว่าตัวเองเดือดร้อนจำเป็นต้องใช้เงินมาอ้อนวอนขอยืมเงิน โดยใช้โฉนดที่ดิน และคู่มือรถที่ปลอมแปลงขึ้น มาหลอกวางค้ำประกันเพื่อให้ชาวบ้านตายใจว่าจะไม่ ซึ่งคาดว่ามีชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และเพื่อนร่วมงาน ถูกหลอกยืมเงินรายละตั้งแต่หลักแสน ถึงหลักล้านบาท ยอดรวมเกือบ 30 ล้านบาท
 
      ล่าสุดวันที่ 3 พ.ย.64  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง อบต.ที่ข้าราชการสาวคนดังกล่าวเคยทำงาน เพื่อสอบถามเพื่อนร่วมงาน ซึ่งก็บอกตรงกันว่า นางอี๋ เป็นคนนิสัยดีเรียบร้อย พูดจาเพราะ และทำงานดี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องงาน   แต่เรื่องส่วนตัวหรือปัญหาทางการเงินไม่มีใครทราบมาก่อน เพิ่งมาทราบข่าวตอนที่มีชาวบ้านไปแจ้งความ ต่างก็ตกใจเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะตอนที่นางอี๋ มายื่นใบลาออกก็ระบุเหตุว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ไม่มีใครระแคะระคายว่าจะเกิดปัญหาเรื่องเงิน 
 
         นายไวพจน์ พุ่มพฤก หัวหน้าสำนักงานปลัด เผยว่า นางอี๋ ทำงานที่ อบต.แห่งนี้มากว่า 10 ปีแล้ว จากที่ได้ร่วมงาน ก็เป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย พูดจาไพเราะ มีสัมมาคาราวะ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องงาน แต่เรื่องส่วนตัวหรือปัญหาทางการเงินนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะตอนที่มายื่นใบลาออกก็ระบุเหตุผลแค่ว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น ก็เพิ่งจะมาทราบก็ตอนที่มีชาวบ้านไปแจ้งความและเป็นข่าว ก็ยังช็อกเพราะไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เนื่องจากขัดกับนิสัยใจคอที่เห็น แต่เรื่องที่กู้ยืมเงินคนใน อบต.นั้น ก็พอทราบเพราะ จนท.ก็มีการกู้ยืมเงินสหกรณ์ซึ่งก็ต้องผลัดกันค้ำก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไปกู้ยืมเงินบุคคลภายนอกจนเป็นหนี้หลายล้านบาทนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงตามที่ถูกกล่าวหาก็อยากให้นางอี๋ กลับมาเคลียร์ให้จบก็เสียหายอนาคตการงาน 
 
         ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายคน จากนั้นก็จะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะออกหมายจับตามขั้นตอน    ทั้งนี้ก็จะรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องประกอบสำนวนคดี ส่วนที่ชาวบ้านระบุว่าผู้ถูกกล่าวหานำโฉนดปลอมมาวางค้ำประกันเงินที่กู้ยืมนั้น ก็อยู่ระหว่างส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นครราชสีมา