logo ถกไม่เถียง

ยายตาบอดร่ำไห้ อ้างผู้มีอิทธิพลไล่ที่สมัยต้นตระกูล ชักปืนยิงขู่ ไร้ที่ซุกหัวนอน วอนช่วยเหลือด่วน!

ถกไม่เถียง : ยายตาบอดน้ำตานอง อ้างถูกผู้มีอิทธิพล ไล่ออกจากที่ดินอยู่มาตั้งแต่สมัยต้นตระกูล จนเกิดเป็นคดีความ ศาลชั้นต้นให้ชนะ แต่ศาลอุทธรณ์กลับแ ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,ช่อง7HD,TERODigital,กด35,ยาย,ตาบอด,ยายตาบอด,ไล่ที่,ผู้มีอิทธิพล,ข่มขู่,ชักปืนขู่,ไร้ที่ซุกหัวนอน,บ้าน,ที่ดิน,ตำรวจ,ทนาย,ร่ำไห้,ขอความเป็นธรรม,ขอความช่วยเหลือ

1,411 ครั้ง
|
02 พ.ย. 2564

        ยายตาบอดน้ำตานอง อ้างถูกผู้มีอิทธิพล ไล่ออกจากที่ดินอยู่มาตั้งแต่สมัยต้นตระกูล จนเกิดเป็นคดีความ ศาลชั้นต้นให้ชนะ แต่ศาลอุทธรณ์กลับแพ้  ทำให้ต้องไร้ที่ซุกหัวนอน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

          วันที่ 2 พ.ย.2564  นางวิลัย นาคสนิท วัย 60 ปี ผู้ที่ถูกไล่ที่ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เริ่มแรกโดนผู้มีอิทธิพลมาไล่ให้ออกจากบ้าน รอบแรกตนก็ยังไม่ได้ทำอะไร พออีกวันนึงเขาก็มาไล่อีก ตนก็งงว่ามาไล่ได้ยังไง ตนอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปีแล้ว เปิดเป็นร้านขายของ มีทะเบียนบ้านในชื่อตนเอง ตั้งแต่ปี 2542 ตนเองก็อยู่ที่นี่อย่างเปิดเผย มีมิเตอร์ไฟฟ้า เวลาเลือกตั้งก็ไปเลือกตั้งได้ ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่อยู่ๆก็มีคนมาบอกว่าเขามี น.ส. 3 มาไล่ให้ออกจากพื้นที่ แล้วดำเนินการฟ้องศาล ตนก็จ้างทนายมาสู้คดี เขาเรียกศาลละ 30,000 บาท ทนายเขาสู้ให้ว่าตนทำมาหากินอยู่ในนั้น ตอนนั้นมีที่ทั้งหมด 13 - 14 ไร่ ตนก็ปลูกกระถินด้วย ศาลชั้นต้นตนเองชนะ ได้สิทธิ์ทำมาหากินที่ตรงนั้น แต่พอมาถึงศาลอุทธรณ์ เหมือนว่าทางทนายไม่ยื่นอะไรเลย ไม่ยอมแย้งอะไรให้ เขาให้เสมียนขึ้นแทนอย่างเดียว อ้างว่าตัวเองติดธุระ ไม่ยอมสอนคำพูดตนด้วยว่าต้องพูดกับศาลยังไง สรุปแพ้ศาลอุทธรณ์ หาว่าตนพูดไม่จริง ทำให้ตนเองจะต้องออกจากที่ดินที่อยู่มานาน ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ซึ่งตนก็แก่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน
 
ถกไม่เถียง : ยายตาบอดร่ำไห้ อ้างผู้มีอิทธิพลไล่ท
 
        นอกจากนี้ ตนยังโดนชายฉกรรจ์ 6 คน อ้างเป็นตร.มาพาตน บอกจะพาไปคุยที่ศาล แต่กลับโดนพาไปที่โรงพัก แล้วโดนจับข้อหาขัดขืนคำสั่งศาล ไม่ยอมออกจากที่ดิน วันนั้นก็โดนขังคุกเลย ซึ่งในชีวิตตนไม่เคยเข้าคุกมาก่อน แล้วเขาบอกว่าวันนั้นจะไม่ได้ประกันตัวเพราะเย็นแล้ว ตนจึงโทรหาหลานให้มาช่วยประกันตัว จนท.บอกถ้าไม่มีเงินก็ติดคุกไปเลย 6 เดือน ตอนแรกเขาให้ประกันตัววงเงิน 20,000 บาท แต่ตนมีไม่ถึง สุดท้ายก็เลยได้ประกันตัวในวงเงิน 5,000 บาท ตนอยากจะทำเรื่องยื่นขอฎีกา แต่ต้องวางเงิน 160,000 บาท ถึงจะสามารถฎีกาได้ ซึ่งตนก็ไม่มีเงิน เลยไม่ได้ยื่นฎีกา
 
ถกไม่เถียง : ยายตาบอดร่ำไห้ อ้างผู้มีอิทธิพลไล่ท
 
        นายสมปอง ตงสาลี สามีของนางวิลัย เล่าต่อว่า หลังจากเกิดการมาไล่ที่ ไม่นานก็มีคนบุกมายิงหน้าบ้าน ซึ่งตนก็ไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร ทุกวันนี้ยังมีร่องรอยการยิงอยู่เลย ไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ตร.เก็บหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว  ตนก็ไม่รู้ว่าฝีมือใคร ไม่อยากจะโทษใคร เพราะไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร แต่วันดีคืนดีก็มีคนบุกมายิงบ้านตอนกลางคืน ซึ่งมันเกิดขึ้นช่วงที่มีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน แล้วหลานตนก็ยังตัวเล็กนิดเดียว ดีว่าไม่โดนยิง ตนก็ไปแจ้งความ ตำรวจเขาเก็บหลักฐานไป แต่แย่ตรงที่กล้องวงจรปิดมันเสีย ก็ไม่รู้จะไปจับใคร ที่สำคัญที่ดินที่เขาฟ้องคือที่ดินหมู่ 7 แต่บ้านตนอยู่หมู่ 3 ตนก็เอะใจตรงนี้ ที่เขาอ้างว่าที่ดินเป็นของเขา ส่งคนสวนมาดูแล ตัดต้นไม้ ยืนยันว่าไม่มี ตนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2542 แต่เขาบอกว่าตนเพิ่งมาอยู่ปี 60 คนอยู่มา 30-40 ปี เจ้าของไม่มาดูแล แล้วใครจะเป็นเจ้าของ ถ้าไม่ใช่ตนที่อยู่มา 30-40 ปี หรือจะให้ตนไปนอนกลางถนน ก็ดีนะจะได้เป็นข่าวใหญ่โตว่ามีคนบ้ามาอยู่กลางถนนเพราะโดนเขาไล่ที่ ตนมีเอกสารที่ไปยืนรังวัดเขตด้วย เจ้าหน้าที่กรมที่ดินมาเอง 
 
         ฟาก นลพรรณ พันธุ์ด้วง ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า รู้จักกับลุงกับป้ามานานแล้ว เขามาขอบ้านเลขที่ตั้งแต่ปี 42 ในสมัยของผู้ใหญ่บ้านคนก่อน ตนเพิ่งมาเป็นผู้ใหญ่บ้านในปี 45 ซึ่งลุงกับป้าก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว ตอนช่วงหาเสียงก็เจอลุงกับป้ามาตลอด ที่ดินนี้ก็อยู่ในหมู่ 3 มานานแล้ว ก่อนที่ตนจะมาเป็นผู้ใหญ่บ้านอีก ตนก็ไปเป็นพยานให้ จนชนะในศาลแรก คนที่อ้างว่ามี น.ส.3 เขามาที่นี่แค่ครั้งเดียว มาถามว่าบ้านหลังนั้นอยู่ตรงไหน บอกตนว่าจะมาฟ้องลุงกับป้า ก็เลยให้เขาไปคุยกับลุงป้า เพราะพวกเขาอยู่มานานแล้ว ส่วนคนที่มาฟ้องก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอพวกเขามาก่อนเลย
 
ถกไม่เถียง : ยายตาบอดร่ำไห้ อ้างผู้มีอิทธิพลไล่ท
 
        ด้าน ทนายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ทนายความชื่อดัง ตั้งข้อสังเกตเรื่องเอกสาร น.ส.3 ที่อาจจะมีการคลาดเคลื่อนในการระบุหมู่ 3 หรือ 7 กันแน่ แต่ประเด็นคือ เคยไประวางพื้นที่ไหม เพราะใน น.ส. 3 จะมีการระบุชัดว่าพื้นที่ของป้าอยู่หมู่ไหน ฝั่งโจทก์บอกว่าเขาคือเจ้าของ มีเอกสาร น.ส.3 อันนี้ชัดเจนว่าเป็นเอกสารราชการ แล้วเราเคยไปทำเรื่องไหมว่าเอกสารมันคลาดเคลื่อน ตามมาตรา 67 ถ้ามีใครไปร้อง หรือเจ้าหน้าที่ที่ดินตรวจสอบว่าเอกสารมีการคลาดเคลื่อน ก็สามารถขอให้ออกเอกสารใหม่ได้ ส่วนใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ บิลโทรศัพท์ ก็สามารถเอาไปยื่นคำร้องเพื่อยืนยันหลักฐานว่าเราอยู่มาตั้งแต่ปีไหนได้ อย่างบิลค่าไฟสามารถไปขอบิลงวดแรกที่การไฟฟ้าได้ 
 
           สำหรับคดีแบบนี้จะสิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์ การจะยื่นฎีกาต้องขออนุญาตฎีกา พอป้าแพ้ศาลอุทธรณ์ เขาอาจจะขอศาลบังคับคดี ถ้าป้าไม่ย้ายออก ก็เท่ากับขัดขืนคำสั่งศาล นำไปสู่การออกหมายจับในที่สุด ในส่วนของ น.ส. 3 ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ มีแค่สิทธิครอบครองเท่านั้น ไม่เหมือนโฉนดที่ดิน คือถ้าเขาแย่งสิทธิการครอบครองจากเราแค่ปีเดียว เขามีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินเลย ซึ่งคดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะกระบวนการศาลสิ้นสุดลงไปแล้ว ฝั่งโจทก์ก็พิสูจน์การเป็นเจ้าของด้วยการยื่นเอกสารการเป็นเจ้าของ ขณะที่ฝั่งป้าไม่มีเอกสารหรือพยานจะมาพิสูจน์ได้เลย ศาลอุทธรณ์มองว่าหลักฐานของป้าเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม หนทางที่จะช่วยป้าได้คือไปร้องที่กรมที่ดิน ตอนที่เขาออก น.ส.3 ได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจหรือไม่ เอกสารที่ออกไปมีการคลาดเคลื่อนหรือไม่ ให้กรมที่ดินช่วยสอบสวน
 
ถกไม่เถียง : ยายตาบอดร่ำไห้ อ้างผู้มีอิทธิพลไล่ท
 
สรุปผลโพล คุณยายจะได้ที่ดินคืนหรือไม่?
 
ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com
 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/730RJQweI9s