สุดทน! สาวร้อง ผัวสิบตำรวจตรีบีบคอ รัวหมัด กระทืบซ้ำ แฉติดเหล้าหนัก แอบกรึ๊บตอนทำงาน

       วันที่ 27 ต.ค.2564 เฟิร์น (นามสมมติ) ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงประเด็นที่เกิดขึ้นว่า ตนรู้จักกับสามีในกลุ่มหาคู่ของเฟซบุ๊ก “มะพร้าวยิ่งแก่ยิ่งมันส์” ซึ่งตนเองเป็นแอดมินอยู่ เมื่อปี 62 ได้พูดคุยกัน อีกฝ่ายเป็นคนพูดจาอ่อนหวาน น่ารักสุภาพ จึงตกลงคบหากัน กระทั่งช่วงเดือนพ.ค.63 ได้ทะเลาะกับสามีด้วยความหึงหวง สามีของตนเข้าใจผิดคิดว่าตนแอบคุยกับผู้ชายคนอื่น จึงเข้ามาต่อย ทำร้ายร่างกาย ตอนนั้นไม่ได้แจ้งความ จึงตัดสินใจขอเลิกกับอีกฝ่าย แล้วแยกย้ายกันไป แต่ก่อนนั้นสามีของตนมีอาชีพเป็นช่างสักอิสระ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้ไม่มีงาน 

 

 

       ช่วงเดือน ก.ย.64 สามีกลับมาขอคืนดี และสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายอีก ตนจึงให้โอกาส กลับมาอยู่ด้วยกัน หลังจากที่กลับมาคบกัน ตนได้พูดคุยกับสามีเกี่ยวกับการสอบเข้ารับราชการตำรวจ เนื่องจากพ่อของสามีเคยเป็นตำรวจและเสียชีวิตในหน้าที่ ทำให้สามีได้รับสิทธิ์ทายาทในการสอบเข้ารับราชการตำรวจ โดยตนได้ดูแลสามีทุกอย่าง ทั้งเรื่องอาหารการกิน อีกทั้งยังเป็นคนพาเขาไปสอบ ตอนนั้นสามีทำตัวดีตลอด อ่อนหวาน ช่วยงานบ้าน ไม่ได้โมโหร้าย กระทั่งสอบติดและเข้ารับราชการตำรวจ ก็ได้มีการไปจดทะเบียนสมรสกัน ในวันที่ 29 มี.ค.64  โดยสามีพูดว่า “เรารักเธอนะ เธอเป็นผู้หญิงที่ช่วยเหลือเราในวันที่เราไม่มีอะไรเลย” และให้เหตุผลว่าอยากให้ตนได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล เนื่องจากตนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยบ่อย แต่หลังจากนั้นไม่นานสามีก็เปลี่ยนไป ไม่ค่อยได้คุยกัน เขาโมโหหงุดหงิดใส่ตน ชอบชวนทะเลาะ กล่าวหาว่าตนงี่เง่า 

 

 

       วันที่เกิดเรื่องที่ตนโดนทำร้าย ตนจับได้ว่าสามีซ่อนเงินไว้ เนื่องจากมีการแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถือว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีมา ซึ่งตนตรวจสอบแล้วว่าเป็นเงินล่วงเวลาของสามี แต่ปกติสามีจะไม่ปิดบังตน จึงตัดสินใจถามเขา ทำให้สามีไม่พอใจ ด่าทอตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย และได้หยิบโทรศัพท์วิดีโอคอลหาแม่เขา พร้อมกับบอกแม่ว่า “ทนไม่ไหวแล้ว” ก่อนจะลงมือ ต่อยเข้าที่ใบหน้าของตน พร้อมทุบตีไม่ยั้ง ตนได้แต่ยกมือขึ้นป้องกันตัว เมื่อตนเสียหลักล้มนอนอยู่ข้างเตียงนอน อีกฝ่ายก็กระทืบตนซ้ำ ๆ พร้อมบีบคอ ทั้งๆที่ยังวิดีโอคอลหาแม่เขาอยู่ ซึ่งแม่เขาก็เห็นอยู่ตลอดเวลา แม่เขาบอกแค่ให้ลูกหนีไป ตอนนั้นตนไม่ได้สู้ แต่พยายามดิ้นหนี พอตะโกนร้องให้คนช่วย สามีจึงได้แต่งตัวแล้วออกจากห้องขี่รถจักรยานยนต์หนีหายไป ตอนนั้นไม่ได้แจ้งความทันที เพราะยังเบลอๆ มึนๆ ก็ได้แต่โทรเรียกเพื่อนให้มาอยู่เป็นเพื่อน หลังจากนั้นเขาก็บล็อกเฟสบุ๊คตน ตนจึงใช้อีกเฟสบุ๊คของเพื่อนโทรถามเขาว่ายังรักตนอยู่ไหม เขาบอกว่าเฉยๆนะ ส่วนที่เขาทำเขาอ้างว่าเขาเมา ทำให้ตนรู้สึกว่า สามีเห็นตนเป็นเพียงสะพาน พอเขาได้ดีก็ถีบตนจมน้ำ ส่วนเรื่องที่เขาใช้กัญชานั้น เขาใช้เพื่อรักษาโรคซึมเศร้า แต่เขากินคู่กับเหล้าตลอด และ เวลาสามีไปทำงาน เขาก็เอาเหล้าไปด้วย เอาใส่ขวดกาแฟไปที่ทำงาน ตอนเย็นกลับมาบ้านก็ดื่มหนักทุกวัน ที่ตนอยากได้ตอนนี้ก็คือให้เขาไปบำบัด และหลังจากนี้คงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว เพราะเขาคงไม่ได้รักตนจริง อีกทั้งแม่ของเขาก็โทรมาหาตน อยากให้ตนหย่ากับเขา

 

 

      ฟาก จูน (นามสมมติ) เพื่อนของสาวที่ถูกทำร้าย เล่าให้ฟังว่า เพื่อนมาปรึกษาเรื่องสามีบ่อย ตนเคยเจอสามีเพื่อนมาก่อน แต่ไม่บ่อย บุคลิกเขาค่อนข้างเป็นคนเคร่งขรึม เงียบๆ ตนจะรู้เรื่องราวของเพื่อนมาตั้งแต่ต้น ตลอดเวลาที่เขาคบกันมา เฟิร์นมาเล่าสารทุกข์สุขดิบให้ฟังตลอด อะไรที่จะช่วยผู้ชายคนนี้ได้เขาก็หาวิธีทำให้ผู้ชายได้ตลอด เพื่อนเรารักเขา และมีความสุขดี ตอนนั้นที่ได้เจอผู้ชายคนนี้ แต่วันที่เกิดเรื่อง เพื่อนมาหาตนในสภาพหน้าบวมปูดและร้องไห้ตลอดเวลา

 

 

        ด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ข้าวบ่อ ผู้กำกับการกลุ่มงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสิ่งแวดล้อม กองแผนงานความมั่นคง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ สิบตำรวจตรี ที่ก่อเหตุ เผยว่า ตนเพิ่งรู้เรื่องของทั้งคู่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตนเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัว ก็พยายามให้ไกล่เกลี่ยกัน และ ตัวของสิบตำรวจตรี ก็ได้มาขอลา เลยยังไม่ได้คุยกัน แต่วันต่อมาที่เขามาทำงาน ก็ได้เรียกมาสอบถาม เขาว่ามีการทะเลาะเรื่องเงินทอง ตนจึงให้เขาไปคุยกัน เพราะภรรยาเขามีแผลทั่วร่างกาย ต่อมาทางสิบตำรวจตรีได้พาแม่มา แม่เขาบอกจะคุยกับลูกสะใภ้แต่ก็ยังไม่ได้คุยกัน ส่วนเรื่องนำเหล้ามากินนั้น ตนยืนยันได้ว่าตำรวจคนนี้ไม่ได้ดื่มเหล้าในที่ทำงาน ในที่ทำงานจะมองเห็นกันหมด ไม่เคยเห็นเขาเมาอ้อแอ้มา ซึ่งหลังจากนี้จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้แน่นอน ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่เข้าข้างลูกน้องแน่นอน เรื่องนี้เป็นปัญหาในครอบครัว ซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยพูดคุยกันได้ อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

 

       แม่ต้อย (นามสมมติ) แม่ของสิบตำรวจตรี ได้อธิบายให้ฟังถึงวันที่เกิดเหตุว่า วันนั้นที่ลูกชายวิดีโอคอลมาหา ตนได้ห้ามลูกชายไม่ให้ทำร้ายลูกสะใภ้แล้ว ซึ่งขณะนั้นต่างฝ่ายต่างร้อน จึงให้ลูกออกมาสงบสติอารมณ์ก่อน ซึ่งหลังจากที่เขาออกมาก็ไม่ได้กลับเข้าไปอีกเลย ตนก็อยากจะพูดคุยกับลูกสะใภ้ อยากให้เรื่องนี้จบกันด้วยดี เพราะถ้าอยู่ใกล้กันก็จะมีอารณ์ขึ้นมาอีก ควรแยกกันอยู่ดีไหม รอต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นกันก่อนค่อยพูดคุย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับลูกสะใภ้ เพราะลูกสะใภ้เอาแต่เดินสายร้องสื่อ ก็เลยไม่รู้ว่าจะจบแบบไหน แต่ใจจริงของแม่ก็อยากให้มาคุยกันดีๆ ต้องการอะไร อยากให้จบกันด้วยดี

 

       ทั้งนี้ ต้อม (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของสิบตำรวจตรี เผยว่า ตนคบหากับสิบตำรวจตรีคนนี้มาตั้งแต่ 6 ขวบ เขาไม่ใช่คนที่ดุร้าย เป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร มีเตะต่อยบ้าง เพราะเขาโดนท้า แต่ไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อน ปัจจุบันก็ติดต่อกันบ้าง ยอมรับว่ามีเรื่องของการกินเหล้า และเสพกัญชามาตั้งแต่ ม.6 เขาเป็นคนน่าสงสาร เพราะพ่อแม่แยกทางกัน เขาอยู่กับพ่อก็โดนพ่อทำร้ายร่างกาย กักขังไม่ให้ออกจากบ้าน ตนต้องแอบพาออกมา แต่กลับไปก็โดนตีอีก  เพิ่งจะรู้ว่าเขาทำร้ายแฟน ตั้งแต่ที่ทราบเรื่อง ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย ตนก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำร้ายแฟน

 

 

        ขณะที่ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความรู้ในเรื่องข้อกฎหมายว่า หากมีการทำร้ายร่างกายและถ้ามีการรักษาเกิน 20 วัน ตรงนี้จะมีโทษหนัก ถ้าเกิดอยู่เป็นแล้วสบายใจ เราสามารถฟ้องหย่าได้ด้วยหลักฐานที่ถูกทำร้ายร่างกายในตอนนี้ ตนเชื่อว่าเมื่อมันเกิดขึ้นหนึ่งครั้งแล้ว ต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน อยู่ที่น้องผู้หญิงจะให้โอกาสเขาอีกหรือไม่

 

 

         สำหรับความคืบหน้าทางด้านคดีนั้น พ.ต.อ.ฉัฐกิตติ์ ผดุงจันทร์ธนัย ผกก.สน.สำเหร่ เผยว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ได้มีการเข้ามาแจ้งความไว้นั้น ตอนนี้ได้มีการเรียกสิบตำรวจตรีเข้ามาให้ปากคำแล้ว และจะรอผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายที่จะได้ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ก่อน ถึงจะแจ้งข้อหาต่อไปได้ ขอให้สบายใจได้ว่าจะดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่มีการช่วยเหลือกันแน่นอน ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/lZF4VWlreHI