หนุ่มร้อง เมียข้าราชการคบชู้ ไล่ลูกผัวออกจากบ้าน ขู่ฆ่า ยัดคดี สุดช้ำชู้โพสต์รูปคู่เย้ย!

         วันที่ 21 ต.ค.2564 นายพรชัย สระภูทิพย์ (น้อย)  ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนตัดสินใจโทรมาร้องเรียนผ่านรายการถกไม่เถียง เพราะเห็นเคสที่คล้ายๆ กันในรายการ จึงอยากได้รับความเป็นธรรมให้กับตนเองและลูกสาว เพราะโดนกลั่นแกล้งมาตลอด ตนกับภรรยาแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันมาตั้งแต่ ปี 2555 ภรรยาทำงานเป็นข้าราชการ มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ตอนนี้อายุ 9 ขวบ ตลอดเวลารักกันดีเรื่อยมา จนอยู่มาวันหนึ่ง แฟนมาขอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก โดยให้เหตุผลว่า อยากได้ค่าเช่าต่อเติมบ้าน ซึ่งแต่อยู่มาวันนึงลูกสาวไปเห็นแม่อยู่กับชายอื่นในบ้านเช่าหลังนั้น ตนไปรับ-ส่ง ลูกระหว่างบ้าน กับ บ้านเช่าตลอด เรื่องมันมาแดงเพราะ ภรรยาประสบอุบัติเหตุรถล้ม ปรากฎว่ามีชายคนอื่นไปเฝ้าภรรยาตนที่ รพ. แล้วผู้ชายคนนั้นก็โพสต์ภาพ พร้อมข้อความว่า "เมียรถล้ม" ตนก็ทักไปถามชายคนนั้น เขาบอกแค่ว่ารู้จักกับภรรยาตน ระหว่างนั้นตนโดนกลั่นแกล้งมาตลอด มีการตัดน้ำตัดไฟ ล็อกกุญแจรั้วบ้าน ไม่ยอมให้เข้าออก จนต้องเอาค้อนไปทุบกุญแจ กลั่นแกล้งทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าลูกสาวอยู่กับตน และมีการยัดคดีตนเอง กล่าวหาว่าตนยิงปืนข่มขู่ และยิงปืนในที่สาธารณะ ซึ่งจริงๆ วันที่เกิดเหตุ ตนยิงปืนจริง แต่เป็นการยิงเพื่อป้องกันตัว วันนั้นตนยิงปืนลงน้ำ เพราะเขาพากลุ่มเพื่อน และชายชู้มา โดยจอดรถหน้าบ้านตอนประมาณ 20.00 น. ตนถามว่าใครก็ไม่ตอบ และด้วยความกลัวเรื่องความปลอดภัย เพราะตนอยู่กับลูกสาวอยู่แค่ 2 คน บ้านก็เป็นบ้านสวน มีลักษณะเปลี่ยว จึงได้ยิงปืนลงน้ำเป็นการขู่ ซึ่งปืนก็มีทะเบียนถูกต้อง ส่วนในรถที่มาจอดหน้าบ้าน มีภรรยาและชายชู้อยู่ พออีกวันตนก็โดนข้อหายิงปืนในที่สาธารณะ ทั้งที่ตนยิงปืนในบ้าน และปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

 

 

         นายพรชัย คิดว่าที่ ภรรยาทำแบบนี้ เพราะต้องการให้ตนหย่า เพื่อที่เขาจะได้มีอิสรภาพ สามารถไปอยู่กับชายชู้ได้อย่างเปิดเผย แต่ตนไม่ยอมหย่า เพราะเราไม่ผิด เขาก็พยายามจะให้เราหย่าให้ได้ จนลูกสาวต้องไลน์ไปหาแม่ ขอร้องให้แม่หยุด และที่ตนไม่ยอมหย่า เพราะคิดว่าถ้าหย่าไปตนก็คงไม่มีที่อยู่ เขาคงไล่ออกจากบ้านหลังนี้  และก็อยากเป็นผู้ปกครองลูก กลัวว่าถ้าหย่ากันไป เขาเอาลูกไปอยู่ด้วยกับชายคนใหม่ ก็กลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัยเพราะลูกเราเป็นเด็กผู้หญิง ตัวชายชู้เองก็โพสต์ท้าทายต่างๆนาๆ แถมยังโทรมาข่มขู่ ท้าทายบอกให้ออกไปหาเขา ฟากภรรยาเองก็โพสต์ข่มขู่ให้ตนกลัว ทั้งบอกว่าจะยัดคดีตน เพราะเขาเป็นคนมีอิทธิพล เป็นคนในพื้นที่ ทำงานใน อบต.แห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เขารู้จักกับตำรวจ ส่วนชายชู้ก็ทำงานมูลนิธิอยู่ในพื้นที่เหมือนกัน ตนต้องการความยุติธรรมจากเขา ให้เขาเลิกกลั่นแกล้ง ทุกวันนี้เขาไม่ได้ส่งเงินมาช่วยเหลือเลย ตนไปทำงานตนก็ต้องหอบลูกไปด้วยตลอด ตั้งแต่เขาคบกับชายคนใหม่เขาไม่เคยมาดูแลลูกเลย ตนอยากให้เขาหยุดคุกคามกลั่นแกล้งลูกกับตนเสียที ตนอยากจะฟ้องหย่า ฟ้องชู้ เรียกร้องสิทธิที่ตนจะได้รับในตรงนี้ เพื่อที่จะเอาเงินไปส่งเสียเลี้ยงดูบุตร ถ้าเขารักลูกจริง เขาคงไม่ทำอย่างนี้ การกระทำของเขา เจตนาของเขาไม่น่าทำแบบนี้ เขาไม่น่ามากลั่นแกล้ตนกับลูกแบบนี้ เขาน่าจะใช้คำพูดที่ดี การกระทำที่ดี นี่เหรอที่คุณบอกว่ารักลูก ถ้าตนไม่รักลูกนะ ตนไม่หอบลูกไปทำงานหรอก ตนซักผ้า รีดผ้า ถักเปีย ทำกับข้าวให้ลูก ถ้าคุณทำดีตามที่คุณกล่าวอ้าง แล้วทำไมลูกถึงไม่อยู่กับคุณล่ะ ลูกเขาโตแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ลูกก็เลยเลือกที่จะอยู่กับคนที่ทำให้เขามีความสุขไง ศาลเคยนัดไกล่เกลี่ยแล้วครั้งนึง แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้ไป ส่งทนายไปแทน

 

 

        ด้าน เอ (นามสมมติ) อดีตภรรยา เล่าไปคนละทาง บอกว่า สามีของตนเองไปมีผู้หญิงคนอื่นก่อน มีคลิปหลักฐานถ่ายไว้ได้ตอนปี 2561 เขาพาผู้หญิงไปนอนในสวนบ้าน ประมาณ 22.00 น. ตอนนั้นตนไปนอนอีกบ้านหนึ่ง โทรไปหาสามีแล้วไม่รับสาย ด้วยความเป็นห่วง ก็เลยพาลูกขับรถออกมาดู ก็ไปเจอรถเก๋งคันสีขาวจอดอยู่ตรงหน้าบ้าน ก็ไปเคาะประตูเรียกเขา ได้ยินเสียงเขานอนกรนแล้ว ก็เคาะประตูอยู่พักนึง เขาก็มาเปิดประตู ทีนี้หน้าบ้านมีรองเท้าช้างดาวคู่ใหญ่คู่นึงถอดอยู่ ตนก็ถามเขาว่ารองเท้าใคร รถใคร เขาอ้างว่าเป็นของบ้านฝั่งตรงข้าม จึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไป ปรากฏว่าเจอผู้หญิงนอนแอบอยู่ใต้เตียง เขาทำพฤติกรรมแบบนี้มาเรื่อยๆ พาผู้หญิงมานอนในบ้านสวน อีกทั้งยังมีผู้หญิงแอดเฟซบุ๊กตนเข้ามาหลายคน มาบอกว่าผู้ชายคนนี้ไปหลอกลวงเขา ตอนนั้นตนไม่ได้ฟ้องหย่า เพราะปรึกษาทนายแล้ว ทนายบอกว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 3-4 หมื่น ตนเลยไม่ได้ฟ้องหย่า แต่ขอหย่าแทน แต่เขาไม่ยอมหย่า เขาบอกขอล้านนึง แลกกับใบหย่า ตลอดวเลาที่คบกัน ตนเป็นข้าราชการ เอาเงินมาดูแลครอบครัวตลอด ต้องกู้หนี้ยืมสินมา ขณะที่เขาไม่เคยเอาเงินมาดูแลครอบครัวเลย ที่เขาอ้างว่าเคลียร์เรื่องผู้หญิงไปแล้วนั้นไม่จริง ตนไม่เคยเคลียร์เลย วันเกิดเหตุวันนั้น ตนขว้างปาของใส่ผู้หญิง ผู้หญิงก็เลยขับรถหนีไปเลย ทีนี้เขาบอกว่าขอหาที่อยู่ใหม่ก่อน ถ้าหาได้จะย้ายออกไปเอง แต่เขาก็ยังอยู่บ้านสวนเรื่อยมาแล้วพา ผู้หญิงมานอนอยู่เรื่อยๆ

 

         สำหรับประเด็นเรื่องรถล้ม ตอนปี 63 ยอมรับว่ารู้จักผู้ชายที่เป็นกู้ภัยจริง ที่ผู้ชายโพสต์ว่า เมียรถล้มนั้น ตนไม่รู้เรื่อง เพราะมันเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา เขาจะโพสต์อะไรมันก็เป็นสิทธิส่วนตัวของเขา ตนไม่สามารถไปห้ามอะไรเขาได้ ยืนยันว่า ตนกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน ส่วนเรื่องที่ไปบุกบ้านยามวิกาลนั้น บ้านหลังนั้นมันเป็นกรรมสิทธิ์ของตน วันที่เกิดเหตุคือตนจะไปหาลูก แต่ปรากฏว่าเขาพาผู้หญิงเข้ามาบ้านอีก  ตนไม่เคยข่มขู่หรือยัดข้อหาเขาเลย บ้านที่เขาอยู่ปัจจุบันเป็นบ้านของตน ชื่อของตน ที่พ่อยกให้ มันไม่ใช่สินสมรส ตนให้เขาอยู่ไปก่อน เพราะเขาบอกว่าถ้าหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วจะไป แต่เขาก็ไม่ไป ยอมรับว่าตนไปล็อกประตูบ้านจริง แต่ไม่เคยไปตัดน้ำตัดไฟ เพราะคนที่ทำตรงนี้ได้คือ อบต. เวลาที่ตนคุยกับลูก เขาก็จะเอาแชทไลน์ที่ตนคุยกับลูกไปโพสต์ประจานในเฟซบุ๊กของเขา แล้วเพื่อนในเฟซเขาก็จะมาคอมเม้นต์ว่าแม่ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งบางคำพูดในไลน์ มันไม่ใช่ลูก แต่เป็นตัวเขาเองที่เป็นคนพิมพ์ บางครั้งตนจึงพิมพ์กลับไปแบบรุนแรงบ้าง อย่างวันที่ลูกสาวบอกว่าเจอเราอยู่กับผู้ชายคนนั้น วันนั้นมันมีคำสั่งที่ตนจะต้องไปอบรมที่ กทม วันที่ 16-18 ส.ค. แล้ววันนั้นฝนตก ตนก็เลยให้ชายคนนั้นพาไปส่งที่ท่ารถตู้ เพราะว่าเขาเป็นมูลนิธิจิตอาสา เรียกเขาได้ตลอดเวลา ตอนนี้ที่ตนต้องการคือต้องการให้เขาหย่า ส่วนเรื่องลูกตนดูแลลูกมาตลอดอยู่แล้ว ส่งเสียเลี้ยงดู ดูแลเรื่องสุขภาพ ทำทุกอย่างในแบบที่แม่คนนึงจะทำได้ อยากเห็นลูกเรียนหนังสือ มีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า ตอนนี้ตนรอหนังสือจากศาลแค่นั้นเลย ตนพยายามที่จะคุยจะเคลียร์ให้มันจบดีๆ แต่เขาก็ไม่ยอม ที่เขาดูแลลูก เขาแค่สร้างภาพ เพราะเขาเพิ่งจะมาทำตอนช่วง ต.ค.ปีที่แล้ว ที่ผ่านมาที่เขาโพสต์เฟซบุ๊กว่าโสดอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้เขาเลยสร้างภาพลบรูปกินเที่ยวต่างๆ เหลือแต่รูปลูกกับตัวเอง ตนเคยบอกว่าเอาเงินมาให้ลูกบ้าง เขาบอกถ้าเขามี เดี๋ยวเขาเอามาให้ลูกเอง แล้วพอเอาเงินมาให้ลูก เขาให้แค่ 50-100 บาท  ถามจริงมันพอหรอคะ ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเนี่ย

 

 

          ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม พูดถึงข้อกฎหมายในกรณีนี้ว่า ประเด็นที่ ฝ่ายหนุ่มกู้ภัยโพสต์ กล่าวอ้างถึง คุณเอ เป็นเมีย ในอุบัติเหตุรถล้มนั้น หากคุณเอ ไม่ได้เป็นเมียเขาจริง ต้องฟ้องหมิ่นประมาท เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เป็นเมียตามที่เขาโพสต์ ทั้งนี้อยากจะแนะนำทั้ง 2 ฝ่าย ให้นึกถึงลูกของทั้งคู่ เพราะเวลาขึ้นศาล ต่างฝ่ายต่างต้องเอาสิ่งที่ไม่ดีของทั้งคู่ขึ้นศาลแน่นอน อยากให้คิดถึงลูกให้มากๆ  เพราะสิ่งที่จะเข้าไปอยู่ในสำนวนศาล มันจะอยู่ในสำนวนศาลตลอดไป แนะนำเลย อยากให้ทั้งคู่หย่าแบบสมัครใจ มันจะได้จบกันด้วยดี และตกลงรายละเอียดกัน กำหนดที่อยู่ของลูก ส่งเสียค่าเล่าเรียน สิทธิในการปกครองบุตร ซึ่งตัวชี้ขาดตามดุลยิพินิจของศาล ศาลจะดูความผาสุขของเด็กเป็นสำคัญ ศาลจะมีนักจิตวิทยาเด็ก สหวิชาชีพมาดูแล เขาจะถามเด็กว่าอยู่กับใครแล้วมีความสุข ศาลจะยึดตามนั้น ถ้าขึ้นศาลบอกเลยว่าเจ็บปวกดทั้ง 2 ฝ่าย และถ้าชายชู้ถ้ามีครอบครัวอยู่แล้วจริง มันก็จะหนักขึ้นไปอีก ส่วนคนที่เป็นข้าราชการ ถ้าทำผิดมีชู้จริง โทษถึงขั้นไล่ออก

 

 

สรุปผลโพล คุณเชื่อใครมากกว่ากัน? 

 

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/-hMAmXzHFwM