ครม.ไฟเขียว เยียวยา แท็กซี่-วิน จยย.อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป สูงสุด 10,000 บาท
logo ข่าวอัพเดท

ครม.ไฟเขียว เยียวยา แท็กซี่-วิน จยย.อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป สูงสุด 10,000 บาท

ข่าวอัพเดท : ครม. ไฟเขียว อนุมัติงบเยียวยาแท็กซี่-วิน จยย. อายุ 65 ปีขึ้นไป ในพื้นที่แดงเข้ม 13 จังหวัดรับ 10,000 บาท อีก 16 จังหวัดรับ 5,000 บาท ครม,เยียวยา,แท็กซี่,วินมอเตอร์ไซค์,วิน จยย,5000บาท,ไฟเขียว,พื้นที่สีแดง

1,585 ครั้ง
|
13 ต.ค. 2564
      ครม. ไฟเขียว อนุมัติงบเยียวยาแท็กซี่-วิน จยย. อายุ 65 ปีขึ้นไป ในพื้นที่แดงเข้ม 13 จังหวัดรับ 10,000 บาท อีก 16 จังหวัดรับ 5,000 บาท
 
        วันที่ 12 ต.ค.64  นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการช่วยเหลือ กลุ่มผู้ชับรถแท็กซี่   และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานนอกระบบ และไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด แบ่งเป็น ผู้ขับรถแท็กซี่ 12,918 คน และผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ 3,776 คน รวม 16,694 คน โดยจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ คนละ 5,000 บาทต่อเดือน ภายใต้กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท
 
     ทั้งนี้ ผู้ขับรถแท็กซี่ และขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 2 เดือน  ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 16 จังหวัดเพิ่มเติม สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพระยะเวลา 1 เดือน
 
      สำหรับวิธีการลงทะเบียนร่วมโครงการฯ  ทางกรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ (รถแท็กซี่) และใบอนุญาตขับ รถจักรยานยนต์สาธารณะ สำหรับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่าที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะจ่ายเงินด้วยวิธีการโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (Promptpay) เฉพาะการผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกระหว่างวันที่ 8 – 12 พฤศจิกายน และจ่ายเงินรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 – 26 พฤศจิกายน
 
    “โครงการฯ ดังกล่าวจะช่วยรักษาคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างและรถจักรยานยนต์สาธารณะ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งเป็นการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ เนื่องจากระบบการขนส่งสาธารณะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ธุรกิจด้านการขนส่งด้วยรถสาธารณะ ที่จะส่งผลให้ประชาชนยังคงได้ใช้บริการรถสาธารณะที่มีคุณภาพ มีความครอบคลุมในพื้นที่อย่างปลอดภัยต่อไป” นายธนกรฯ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง