ครูอัตราจ้างบนดอย ใน อ.แม่สะเรียง จ.เชียงใหม่ ป่วยเป็นเนื้องอกผ่าตัดฉุกเฉิน แต่กลับถูกผู้บริหารโรงเรียนบีบให้ลาออก เจ้าตัวเผยรักในอาชีพครูมาก ยอมเสียสละมาสอนเด็กนักเรียนบนดอยสูง เพราะไม่อยากให้เด็กขาดโอกาสทางการศึกษา
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวระบายความในใจระบุว่าชื่อ บีม เป็นครูอัตราจ้างสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งบนดอยสูง ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 เธอเล่าว่า ปวดท้องหนักมาก และที่บริเวณท้องน้อยบวมใหญ่มาก เลยแจ้งทางโรงเรียนให้ทราบเพื่อให้เพื่อนครูพาไปส่งโรงพยาบาลในตัวอำเภอแม่สะเรียง เพื่อนครู ช่วยปฐมพยาบาลให้ และประสานไปกับรถชาวบ้านเช้าวันนั้น
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ทรมานมาก ถนนลูกรัง และต้องขับรถฝ่าแม่น้ำลงมา พอไปถึงโรงพยาบาล หมอตรวจประเมินเรียบร้อย สรุปว่าเป็นเนื้องอกที่ปีกมดลูกทั้งสองข้าง ต้องผ่าตัดแต่ต้องรอผลเลือดว่ามีค่ามะเร็งหรือไม่ ซึ่งหมอระบุว่าห้ามยกของหนักและถูกกระทบกระเทือน ระหว่างรอผลเลือดพักรักษาตัวอยู่กับแม่ที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เนื่องจากกลับขึ้นดอยไปสอนหนังสือไม่ได้
ต่อมาผลปรากฏว่าเลือดมีค่ามะเร็งสูงถูกส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งนัดผ่าตัดวันที่ 25 มิถุนายน 2562 หมอให้พักฟื้นจนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 เธอพักฟื้นครบกำหนดแพทย์สั่ง แต่เธอยังปวดแผลและเดินยังไม่ค่อยถนัดจึงไม่สามารถขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ได้ บวกกับถนนไปโรงเรียนมันลื่นเพราะเข้าสู่ฤดูฝนการเดินทางลำบาก ถ้าหากว่าต้องเดินเท้าเธอคงไม่ไหวเหมือนเมื่อก่อน หลังพักฟื้นเธอกลับไปทำงาน วันที่ 29 เดือนสิงหาคม 2562
หลังจากเกิดเหตุการณ์วันที่ป่วยหนัก กลายเป็นว่าตอนนั้นเธอป่วยฉุกเฉินไม่ได้เขียนใบลางาน ผู้บริหารโรงเรียนแจ้งว่าเธอขาดงานราชการเกิน 15 วันและถูกตำหนิต่างๆ นานา และถูกบีบให้ลาออก เธอจึงไปขอใบลาออกจากต้นสังกัด ในตัวอำเภอแม่สะเรียง
แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการลาออกได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุจากการป่วยเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ จึงเว้นช่องว่างไว้ เพื่อจะเขียนตามที่ผู้บริหารสถานศึกษาอยากให้เขียน แต่ผู้บริหารสถานศึกษาไม่กล้าเขียนลายมือชื่อ กลัวว่าตนจะโดนตั้งคณะกรรมการสอบ แต่ผู้บริหารสถานศึกษาลงลายมือชื่อที่ใบลาป่วยให้ คุณครูมีหลักฐานใบลาป่วย ใบรับรองแพทย์แนบให้กับผู้บริหารโรงเรียน และได้จ้างคนทำงานแทนตามที่ผู้บริหารสถานศึกษาสั่ง
ต่อมาเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 ทางโรงเรียนมีการประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างชั่วคราวประจำปี มีผู้ประเมิน 3 คน ประกอบด้วยประธานกรรมการสถานศึกษาคือผู้ใหญ่บ้าน ส่วนกรรมการฯ คนที่ 2 คือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการทั้งสองให้คะแนนผ่านคือ 90 คะแนน ซึ่งคะแนนเต็ม 100 รวมได้ 180 คะแนน แต่ผู้บริหารโรงเรียนไม่ยอมให้คะแนน และไม่ยอมเซ็นเอกสารประเมิน ต่อมามีการประเมินรอบสอง ปรากฏว่าผู้บริหารโรงเรียนให้คะแนนตน 57 คะแนน ส่วนคนอื่นให้คะแนน 60 และ 61 ตามลำดับ ทำให้คะแนนเธอตกเหลือ 59.33% เท่านั้น เมื่อเฉลี่ยแล้ว (ผู้ถูกประเมินจะต้องได้คะแนน 60% ถึงจะผ่าน และจ้างต่อ) แต่จากการสังเกตพบว่ากรรมการทั้งสองคนให้ตนผ่านกลับระบุในความเห็นควรจ้างต่อไปแต่ควรปรับปรุงแก้ไข
ต่อมาเธอไปขอเข้าพบผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพื่อขอความเป็นธรรม แต่ฝ่ายบุคคลไม่ให้เข้าพบ ฝ่ายบุคคลบอกกับเธอว่า การประเมินครั้งที่สองไม่ถูกต้อง จึงให้เธอประเมินใหม่ เป็นรอบที่สาม โดยเปลี่ยนคณะกรรมการเป็นครูในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนได้เสนอครูในโรงเรียนเป็นคณะกรรมการแทนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งกรรมการจะประกอบด้วยครูใหญ่เป็นกรรมการคนที่ 1 ผู้ใหญ่บ้านเป็นกรรมการคนที่ 2 และครูในโรงเรียนเป็นกรรมการคนที่ 3 ผลการประเมินออกมา ผลคะแนนเหมือนกับการประเมินรอบ 2 ซึ่งคะแนนทุกรายการมีการลอกมาจากคะแนนการประเมินครั้งที่ 2 แต่มีการเปลี่ยนกรรมการประเมินเท่านั้นจึงทำให้ต้องพ้นสภาพจากความเป็นครูในทันที
+ อ่านเพิ่มเติม