ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านปืนโหด บุกยิงเพื่อนบ้านดับ 2 ฉุนเบิ้ลรถเสียงดัง เตือนไม่ฟัง

       วันที่ 22 ก.ย. 64 ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย มีพูล รอง สว.(สอบสวน)สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ม.3 ต.ท่าทอง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ พ.ต.ท.อมร บุญศิลป์ สว.สืบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์ประจำ รพ.กาญจนดิษฐ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกาญจนดิษฐ์จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

 

        ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวที่บริเวณข้างบ้านพบศพนายประภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ชาว ต.ท่าทอง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่บริเวณลำตัวเสียชีวิตในสภาพนอนหงายสวมเสื้อยืดสีเทาสวมกางเกงยีน และยังมีผู้เสียชีวิตในห้องนอนของบ้านอีกหนี่งรายทราบชื่อนายอิทธิพล (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นลูกชายนายประภาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกันเข้าที่หน้าอก สภาพนอนหงายไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอกสีดำ นอนเสียชีวิตอยู่ข้างที่นอน โดยบริเวณหน้าบ้านพบปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 

       ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายฉัตรชาย (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ท่าทอง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่บ้านติดกันกับผู้ตาย โดยหลังก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ พร้อมอาวุธปืนลูกซอง 5 นัดที่ใช้ก่อเหตุ

 

        ด้านนางวรรณา (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า ครอบครัวของตนเองและครอบครัวผู้ก่อเหตุเคยมีปากเสียงกันในเรื่องเกี่ยวกับรถกระบะของที่บ้านเสียงดัง โดยในปีก่อนเคยถูกยิงปืนขู่ขึ้นฟ้ามาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่คิดแจ้งความเพราะเคยดีกันมาก่อน แต่จากนั้นก็ไม่ค่อยจะลงลอยกัน และก่อนเกิดเหตุนายประภาส ได้ขับรถเข้ามาจอดข้างบ้าน ก่อนที่นายฉัตรชาย จะลงมามีปากเสียงกันและมีการท้าทายกัน ก่อนจะใช้ปืนยิงใส่สามีและลูกชายจนเสียชีวิตดังกล่าว

 

        จากการสอบลูกผู้ก่อเหตุ บอกว่า ก่อนหน้านี้พ่อเคยเตือนเรื่องเสียงเบิ้ลรถยนต์บ่อยครั้ง เพราะที่บ้านมีน้องของตนเองอายุ 2 ขวบ มักจะตกใจเวลาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ซึ่งตนก็ได้ยินเสียงเบิ้ลเครื่องยนต์ทุกวันเช่นกัน

 

         เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป