จากกรณี ทนายไพศาล และ หมอปลา ร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของผู้เข้ารับการบำบัดรายหนึ่งว่า มีการถูกซ้อมทรมาน ให้ทำสัญญาและเรียกเก็บเงิน หากจะออกมาก็ต้องจ่ายเงิน อีกทั้งภายในศูนย์ก็มีผู้บำบัดอยู่กันอย่างแออัดกว่า 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง แถมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ศพ ก่อนประสานกับทางผู้ว่าฯกาญจนบุรี ให้การช่วยเหลือนำผู้บำบัดทั้งหมดออกมาได้
วันที่ 22 ก.ย.2564 หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมด้วย นายเบส (นามสมมติ) หัวหน้ากลุ่มผู้บำบัดยาเสพติด และ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องเสียเงิน เพื่อส่งลูกไปบำบัดในศูนย์บำบัดยาเสพติด ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงประเด็นดังกล่าว
นายเบส (นามสมมติ) หัวหน้ากลุ่มผู้บำบัดยาเสพติด พูดถึงสาเหตุที่ตนเองถูกส่งเข้าไปยังศูนย์บำบัดว่า ผมรักษาครั้งแรกคุณหมอตรวจแล้วเจอสารเสพติด นั่นคือตรวจรอบแรก เขาบอกว่าถ้าตรวจรอบสองแล้วเจอ ต้องไปบำบัดนะ ปรากฏว่ารอบสองผมไม่มีสารเสพติด คือไม่ได้เสพแล้ว อยู่ๆวันนึงคุณแม่ชวนไปวัด เราก็แต่งตัวไปวัด พอไปถึงก็ถูกล็อกตัวเข้าไปเลย เราไม่รู้เลยว่าเขาพามาบำบัด ไม่ได้แจ้งอะไรเลย ผมก็โวยวาย ผมไม่ยอม เพราะผมไม่รู้เรื่องเลยว่าผมโดนจับเรื่องอะไร ผมโดนใส่กุญแจมือ ซ้อมจนสลบไปเลย ผมก็ตะโกนให้แม่ช่วย แต่แม่ไม่มองผมเลย เขาน่าจะคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ เขาก็บังคับให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้า ล็อกตัวบังคับให้โกนหัว ผมไม่ยอมก็ซ้อมผมอีก โดนล็อกกุญแจมืออยู่ประมาณ 1- 2 วัน เพราะเขาคิดว่าเราจะหนี วันที่เข้าไป ก็มีสัญญาให้พ่อแม่ และเราเซ็น เราก็บอกให้เขาตรวจสารเลย เพราะเราเชื่อว่ายังไงก็ไม่เจอ แต่เขาไม่ตรวจ การส่งผมเข้าไปเนี่ย แม่พาผมไปเอ็กซเรย์ปอดที่ รพ. มีแค่ใบเอกสารจาก รพ.แค่นั้น ในการส่งผมเข้าไป ถามว่าเคืองครอบครัวไหม ยอมรับว่าโกรธมาก ผมเข้าไปอยู่ 9 เดือน สภาพเป็นเหมือนภาพข่าวที่ออกมาเลย ตอนแรกแย่กว่านี้อีก ผมต้องเดินลุยอุจจาระ ปัสสาวะไปเข้าห้องน้ำ ผมรับไม่ได้ คิดว่าเราต้องมาเจออะไรแบบนี้หรอ? ล่าสุดผมเห็นคนตายกับตาเลย 2 ศพ ศพแรกที่เห็น ผมตื่นนอนมาตอนตี 3 เขาลุกขึ้นมาแล้วอยู่ดีๆก็ล้มไปเลย ผู้บำบัดเขาก็เข้ามาดู พยายามปั๊มหัวใจ ปรากฏไม่รอดครับ เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนศพที่ 2 ผมลุกมาเข้าห้องน้ำตอนตี 2 กว่า ก็ได้ยินเสียงไอเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เราก็ถามเขาว่าเป็นอะไร เขาก็ตามเราไปในห้องน้ำ หายใจแผ่ว แต่อยู่ๆเขาก็รูดตัวล้มลงไปเลย ผมก็รีบวิ่งไปแจ้งผู้คุมให้ไปดูหน่อย เขาก็บอกให้เราไปตามพระเลขา เขาบอกปล่อยไว้อย่างนั้นแหละตอนเช้าค่อยมาดู สรุปเขาเสียชีวิต โดยมีการแจ้งว่าหัวใจล้มเหลว ที่นั่นจะมีการลงโทษด้วยการตี การกระทืบ แต่พอหลังจากเป็นข่าวเขาก็ไม่ค่อยกล้า
ที่นั่นแบ่งการดูแลเป็น 8 บ้าน เราเป็นพ่อบ้านอยู่บ้านหลังหนึ่ง แล้วก็มีช่วงนึงที่โดนปลดไป แล้วก็ได้กลับมาเป็นอีก หน้าที่หลักคือการดูแลคนในนั้น เราดูแลกันเอง แม้กระทั่งทำแผล ก็ทำกันเอง กินข้าววันละมื้อ ดวงดีหน่อยก็ได้กิน 2 มื้อ ถ้าทำอะไรให้เขาไม่ถูกใจก็จะโดนทำโทษ อดข้าวไป 1 มื้อ มีอยู่ครั้งนึงเจอข้าวบูด แต่ทุกคนก็ต้องกิน กินแบบทั้งๆที่รู้ว่าข้าวบูด ที่ผมมาออกรายการเปิดหน้าวันนี้ ผมไม่กลัว เพราะผมรับปากคนข้างในไว้แล้วว่าจะช่วยพวกเขาออกมาให้ได้ ข้างในนั้นเขาไม่เรียกว่าผู้ป่วยนะ เขาเรียกนักโทษ ผมว่าเงินมันสะพัดในศูนย์นี้เยอะมาก เพราะค่าแรกเข้าก็เป็นหมื่นแล้ว ไหนจะคนที่อยากบวชพระเพื่อต้องการอิสรภาพ การจะบวชได้เขาก็ต้องเสียเงินอีก วันที่หมอปลาลงพื้นที่ พวกผมไม่ได้อาบน้ำกันเลย เขาอ้างว่าหมอปลามา กลัวว่าถ้าปล่อยไปอาบน้ำ คนในนั้นจะกรูกันไปหาหมอปลา
คุณแม่นิ่มนวล แม่ของหนึ่งในผู้บำบัด ที่ต้องยอมวิ่งยาเสพติดจนติดคุกเพื่อหาเงินส่งลูกไปบำบัดที่ศูนย์ เล่าเรื่องลูกชาย (น้องก้อง) ให้ฟังว่า ลูกชายป่วยจิตเภท ไม่ได้เล่นยา แต่ก่อนเขาไม่ค่อยจะเสียสติอะไร แต่พ่อเขาเสีย เขาก็เริ่มซึมเศร้า เริ่มเบลอ ตัวน้องนิสัยดีไม่ก้าวร้าว ก่อนจะถูกส่งไปรักษา เริ่มต้นคือวันนั้นน้องเขาก้าวร้าว มีการแจ้งตำรวจมาพาตัวไป น้องถามแม่จะจับผมไปทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ตำรวจถามเราว่าจะให้พาน้องไปรักษาต่อไหม เราก็บอกว่าลูกเราป่วยเป็นจิตเภทนะ ไม่ได้เล่นยาเสพติด เราก็ถามว่ารักษาที่ไหน เขาบอกว่า กาญจนบุรี เราก็ถามเรื่องค่ารักษา เขาก็บอกให้จ่ายมาทันที 6 หมื่น เราก็ไม่มีเงิน สุดท้ายเลยขอผ่อนจ่ายเขาเป็นงวดๆ งวดแรกโอนจ่ายไป 3 หมื่น ลูกสาวคนเล็กก็ถามว่าสถานที่รักษาอยู่ที่ไหน เราก็บอกไปว่าที่กาญจนบุรี ลูกสาวก็พยายามหาข้อมูล ปรากฏว่าสถานที่บำบัดมีจริง แต่ไม่ค่อยมีข้อมูล ลูกสาวก็ถามเราว่าจะเอาพี่ไปรักษาที่นี่จริงหรอ เราก็บอกไปว่าคนในหมู่บ้านก็ไปบำบัดที่นี่เยอะนะ น้องก้องไม่ได้ป่วยเพราะเล่นยา เขาเคยเสพยาก็จริง แต่เขาป่วยเพราะเป็นจิตเภท เราก็แนบใบรักษาไปให้ตำรวจด้วยนะ เราคิดว่าถ้าหมอพยาบาลที่สถานบำบัดเห็นจะได้เข้าใจว่าลูกเราป่วยยังไง ความที่เราเป็นแม่ เราบอกหมอปลาติดต่อหมอปลาว่าเราอยากเจอลูก พี่น้ำฟ้าก็เอารูปก้องให้เราดู วินาทีนั้นที่เราเห็นคือก้องตาลอยเลย เรารู้เลยว่าลูกเราไม่ได้กินยามาเป็นเดือนแล้ว
ทั้งนี้ เบส (นามสมมติ) ยืนยันว่า ตำรวจหรือกู้ภัยที่พาคนมาที่ศูนย์บำบัดจะเป็นคนเดิมๆ ชุดเดิมๆ ทำให้เรื่องนี้ หมอปลา มองว่านี่เป็นการทำเป็นขบวนการ เพราะบางคนไม่ได้เสพยาเสพติด แค่ไปทะเลาะกับคนอื่น นอนเมาอยู่มุ้ง แต่พวกตำรวจชุดนี้ก็ลากไปที่ศูนย์บำบัด "ผมมองว่าวัดก็อยู่ห่างจาก สภ.ไม่เกิน 5 กม. ผมงงว่าตำรวจเขาหูหนวกตาบอดรึไง ผมอยากบอกวัดว่าเงินที่พวกคุณได้ไป ไม่ใช่เงินพวกคุณ เงินที่เอาไปร่วมแสนน่ะ เตรียมตัวคืนพ่อแม่เขาด้วย เพราะผมจะไปเอาคืน พวกคนในวัดที่ออกมาอธิบายว่าวัดไม่ได้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ลองสังเกตดู เขาออกมาพูดแบบไม่เปิดหน้านะ เพราะถ้าเปิดหน้าเนี่ย เด็กที่เคยอยู่ข้างในก็จะจำได้ว่าพวกมันเคยไปทำอะไรเขาบ้าง"
คุณแม่ถนัด แม่ของหนึ่งในผู้บำบัด ต้องเสียเงินให้ตำรวจร่วมแสนเพื่อส่งลูกไปบำบัด โดยตอนนั้นลูก (น้องเอิ้ง) โวยวาย เพราะติดยา แต่ไม่ได้นานมาก เราก็กลัวลูกเป็นบ้า เลยติดต่อตำรวจให้มารับลูกไป รับไปกุฉินารายณ์ แล้วเขาก็มาถามเราว่าอยากเอาลูกไปบำบัดไหม ถ้าอยากบำบัดต้องเสียเงินนะ เขาเรียกเรา 5.4 หมื่นบาท ซึ่งที่แรกที่เขาพาลูกเราไปบำบัดคือที่ ปาย เราก็อยากให้ลูกหายเลยไปยืมเงินญาติมา ลูกก็ได้ไปอยู่ที่ปายประมาณ 3 เดือน เราไม่ได้คุยกับลูกเลย แต่ตำรวจก็ถ่ายรูปลูกมาให้เราดู นอกจากนี้เรายังต้องจ่ายให้ ตำรวจอีกเดือนละ 5 พันบาท ครั้งที่ 2 ไปกู้เงิน ธกส. ไปจ่ายเขา เพราะที่ศูนย์บอกว่าลูกเราแอบไปซื้อบุหรี่ ผิดกฎศูนย์ ต้องส่งกลับบ้าน เราก็คิดว่าลูกเราจะหายได้ยังไง รักษาไปแค่ 3 เดือนเอง เราเลยโทรไปหาตำรวจคนเดิมว่าจะทำยังไงดี ตำรวจก็เลยเรียกเราอีก 3 หมื่นบาท เราไปโอนที่ตู้เอทีเอ็ม เพื่อที่ลูกเราจะได้ย้ายไปรักษาที่กาญจนบุรี ที่เราเสียใจที่สุดคือเราไม่ได้บอกลูกเลยว่าเราจะส่งลูกไปอยู่ที่ไหน เราเห็นว่าที่ๆจะย้ายลูกไปคือวัดไง มีพระ เราคนพุทธเราก็คิดว่าคงดีแหละ เราไม่ได้คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ รู้สึกผิดมาก อยากขอโทษลูก
คุณแม่บังอร แม่ของหนึ่งในผู้บำบัดที่ต้องเสียเงินให้ตำรวจเพื่อส่งลูกไปบำบัด เล่าว่า เราพยายามส่งลูกไปบำบัดยามาหลายที่แล้ว จนมาเจอกับตำรวจคนนี้ เขาก็แนะนำเราให้พาลูกไปบำบัดที่กาญจนบุรี ให้เราจ่าย 3.4 หมื่นบาท นอกจากนี้ต้องโอนเงินเป็นรายเดือนให้อีกเดือนละ 2 พันบาท
หมอปลา พูดถึงเรื่องคูปองในศูนย์บำบัด ระบุว่า คูปองคือเงินที่ญาติเอาเงินมาให้เดือนละ 2 พัน เขาจะให้คูปองเราวันละ 60 บาท เพื่อเอาไปซื้อของกินในวัด ซึ่งคนขายก็คือเครือข่ายญาติของคนในวัดนี่แหละ ราคาในนั้นก็คือสูงมาก 1 คูปอง ซื้อได้ 1 ถุง วันที่ผมไปลงพื้นที่วันแรก พวกเขาในนั้นไม่ได้กินข้าวเลย เขาอ้างว่าเป็นเพราะทีมหมอปลาลงไง ส่วนคนที่โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าแค่เงินหมื่นจะเอาอะไรนักหนา คุณรู้ไหมว่าพ่อแม่เขาต้องโดนรีดไถอีกเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าจะเข้าข้างคนผิดกันไปถึงไหน ผมหวังว่าท่าน ผบ.ตร. จะทำตามสัญญา นิ้วไหนที่มันไม่ดีต้องตัดมันทิ้ง ท่านก็ต้องตัดทิ้งนะ แล้วก็อย่าไปฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะข้อมูลมันตอแหล คุณต้องมาฟังคนเหล่านี้ที่โดนโกนหัว เขาเหล่านี้แหละที่เห็นความจริง ผมยืนยันว่าไม่ทิ้งพวกเขาแน่นอน
ทางรายการได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ถึงข่าวที่เกิดขึ้น เบื้องต้น พล.ต.ต.สมนึก ระบุว่า ได้มีการตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริง ส่วนศูนย์บำบัด มีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กรณีวัดท่าพุ เป็นเอกชน จะได้รับค่าใช้จ่ายจากทางภาครัฐและได้รับเงินจากทางผู้ปกครองด้วย ส่วนพฤติกรรม ตำรวจที่มีการขู่เข็ญเรียกรับเงิน กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีความผิดจริง ก็จะมีการลงโทษต่อไป พร้อมทั้งรับประกันเรื่องความปลอดภัยให้กับทุกคน
ฟาก นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ เผยถึงการดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อจากนี้ว่า หากใครที่ต้องการฟื้นฟูสภาพจิตใจ หรือเข้ารับการบำบัดต่อเนื่อง ก็สามารถติดต่อเข้ารับบำบัดได้ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จ.กาฬสินธุ์ได้ ตั้งอยู่ศาลากลางจังหวัดชั้น 4 โทร 043812175 หรือไปที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของอำเภอที่มีภูมิลำเนา ซึ่งได้มีการประสานทางอำเภอไว้แล้ว สามารถไปรายงานตัวและแจ้งความประสงค์ได้เลย
สรุปผลโพล คุณคิดว่า ศูนย์บำบัดแห่งนี้ ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่?
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง
hitz955.com