ปัญหาความเดือดร้อนและความยากจนเกิดขึ้นทุกพื้นที่ทั่วไทย บางคนหาทางออกด้วยการกู้หนี้ยืมสิน บางคนก็หาทางออกด้วยการอดทนสู้กับชีวิตที่ยากลำบาก แต่เรื่องราวที่น่าหดหู่ใจคือบางคนยอมสละอวัยวะ เพื่อนำมาเป็นเงินจุนเจือครอบครัวและหาทางรอดเพื่อให้พวกเขาได้มีที่ซุกหัวนอน เหมือนเรื่องราวของนาย บัวกัน สุนันทา ชายอายุ 67 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้ประกาศขายดวงตาและไต เพื่อไถ่ค่าบ้าน ได้บอกเล่าวิบากกรรมชีวิตสุดชอกช้ำที่ทำให้วันนี้หมดหนทางจนต้องมาพึ่งรายการ ถกไม่เถียง
นาย บัวกัน สุนันทา ผู้ประกาศขายไตและตา ได้เผยว่า ตนเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารเพื่อมาประกอบอาชีพค้าขาย ได้เงินมาสี่แสนบาท และ นายหน้าเอาเงินไปสามแสนบาท ซึ่งก็จ่ายเงินส่งให้กับธนาคารมาเรื่อยๆ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบ้านเป็นชื่อลูกชายและได้ทำสัญญาเปลี่ยนชื่อ ต่อมาลูกชายโดนคดีจนเข้าไปอยู่ในเรือนจำ จนทำให้มีปัญหาไม่มีเงินผ่อนส่งธนาคาร ส่งผลให้บ้านที่อยู่อาศัยตอนนี้โดนขายทอดตลาด ตกเป็นทรัพย์สินของธนาคาร ตนยากจนมากจะหาเงินซื้อบ้านคืนก็ไม่มีเงิน ทุกวันนี้ก็ยังพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่โดนยึด
โดยล่าสุดเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการยื่นคำขาดว่า ให้ย้ายออกไม่อย่างนั้นจะเอาตำรวจมาจับ ทุกวันนี้ลำบากมากเพราะไม่มีเงิน ไปค้าขายไม่ได้เพราะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีเงินพอประทังชีวิตไปวันๆ ไม่รู้จะหันไปพึ่งทางไหนก็ได้ประกาศขายไตและดวงตาเพื่อเอาเงินมาไถ่บ้าน ตอนแรกไม่กล้าประกาศขาย ตอนจะขายก็ไม่ได้บอกใคร ไม่ได้ปรึกษาภรรยา ตั้งใจจะขายจริงๆ พอเป็นข่าวนายอำเภอได้มาเกลี้ยกล่อมไม่ให้ขายอวัยวะเพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและรับปากว่าจะหาทางช่วยเหลือได้ประสานงานกับธนาคารและหน่วยงานต่างๆให้หามาตรการช่วยเหลือแล้ว
ถกไม่เถียง
ทิน โชคกมลกิจ
บัวกัน
ตา
ประกาศขายไต
ขายไตไถ่บ้าน
ค่าไถ่บ้าน
ขายอวัยวะ
ขายตา
แพะ
คดีฆ่าคนตาย
อุบลราชธานี
นายอำเภอ
เดชอุดม
ช่วยเหลือ
กรมบังคับคดี
ธนาคาร
ยึดบ้าน