ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Puifai Kotchaporn ได้โพสต์เรื่องราวเตือนภัยลงในเฟซบุ๊กเพจคนเมืองกาญจน์ รีเทิร์น โดยฝากเตือนภัย บรรดาเจ้าของร้านอาหาร ที่เปิดรับออเดอร์อาหารและรับชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ ให้ระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่มาหลอกหาเงิน โดยการสั่งอาหารจำนวนมากๆและใช้สลิปปลอมแกล้งทำทีเป็นโอนเงินค่าอาหารมาให้เกินจำนวน เพื่อให้เจ้าของร้านที่รับออเดอร์ โอนเงินส่วนที่เกินคืนไปให้ แต่สุดท้ายกลับพบว่าสลิปที่โอนเงินมานั้นเป็นสลิปปลอม ทำให้เจ้าของร้านต้องเสียทั้งเงินที่โอนไปให้กับมิจฉาชีพและเสียทั้งค่าอาหารที่ถูกหลอกให้ทำแล้วไม่มารับแถมไม่จ่ายเงิน
โดยผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปยังร้านอาหารครัวชุกโดนในพื้นที่ตำบลบ้านใต้ เขตเทศบาลเมืองกายจนบุรี เพื่อพบกับนางสาวกชพร บุญเลียบ อายุ 23 ปี เจ้าของร้านอาหารที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอก โดยนางสาวกชพร เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุ มิจฉาชีพได้แฝงตัวมาในรูปแบบลูกค้า โดยได้ทักเข้ามาในไลน์ของทางร้าน เพื่อสั่งอาหารและนัดที่จะเข้ามารับอาหารเองที่ร้าน โดยได้สั่งอาหารจำนวน 5 เมนูและข้าวเปล่า 10 ถุง รวมเป็นเงิน 1,370 บาท ซึ่งหลังจากสั่งอาหารในชุดแรกเสร็จเรียบร้อย มิจฉาชีพรายนี้ ได้ส่งสลิปยืนยันการโอนเงินเข้าบัญชีของทางร้านมาให้ จำนวน 1,370 บาท และนัดหมายที่จะเข้ามารับอาหารด้วยตนเอง ซึ่งหลังจากเห็นสลิปที่มิจฉาชีพส่งมาทางไลน์ ทางร้านก็ได้รีบทำอาหารตามออเดอร์ที่มิจฉาชีพรายนี้สั่งมา โดยยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามีเงินเข้าบัญชีมาจริงหรือไม่
หลังจากสั่งอาหารชุดแรกประมาณ 30 นาที มิจฉาชีพรายเดิมได้ทักไลน์เข้ามาสั่งอาหารเพิ่ม โดยเลือกเอาเมนูอาหารเหมือนที่สั่งมาในชุดแรก แต่ครั้งนี้สั่งเพิ่มอีก 3 ชุด พร้อมรีบส่งสลิปโอนเงินมาให้กับเจ้าของร้านทันที ในวงเงิน 4,110 บาท ก่อนที่มิจฉาชีพรายนี้ จะรีบทักหาเจ้าของร้านอีกครั้ง โดยอ้างว่าสั่งอาหารเกินจำนวนที่ต้องการไป โดยขอให้ทางร้านทำอาหารเพิ่มอีกเพียง 2 ชุด ไม่ใช่ 3 ชุด และขอให้ทางร้านช่วยโอนเงินค่าอาหารที่โอนเกินไป จำนวน 1,370 บาท กลับคืนไปให้ แต่ขอให้ช่วยโอนเงินกลับมาให้ผ่านระบบมันนี่วอลเลต ไม่ใช่โอนกลับเข้าบัญชีที่มิจฉาชีพใช้โอนมาให้ทางร้าน ด้วยความไว้ใจและไม่คิดว่าจะถูกหลอก ทำให้ทางร้านตัดสินใจโอนเงิน จำนวน 1,370 บาทที่มิจฉาชีพอ้างว่าโอนเกินมา คืนไปให้กับมิจฉาชีพ แต่เนื่องจากหมายเลขมันนี่วอลเลต ที่มิจฉาชีพให้ทางร้านโอนเงินไปให้ ไม่สามารถโอนเงินได้ ทางเจ้าของร้านจึงโอนเงินเข้าบัญชีให้กับมิจฉาชีพรายนี้แทน
หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 ชั่วโมง มิจฉาชีพรายเดิม ได้ทักไลน์เจ้าของร้านเพื่อสั่งอาหารเพิ่มอีก โดยในครั้งนี้ ได้เลือกสั่งเป็นหน่อไม้ทะเล และกุ้งผา ซึ่งถือเป็นอาหารที่มีราคาแพงอย่างละ 3 ชุด พร้อมส่งสลิปการโอนเงินค่าอาหารมาให้กับทางร้านทันที ในราคา 3,420 บาท และแจ้งกับเจ้าของร้านว่าจะเข้ามารับอาหารทั้งหมดในอีกหนึ่งชั่วโมง เพื่อเร่งให้ทางร้านรีบทำอาหารจะได้ไม่ตรวจเช็ครายการรับโอนเงิน แต่ปรากฏว่า เมนูกุ้งเผาที่มิจฉาชีพรายนี้สั่งมานั้นสินค้าหมด ทางร้านจึงแจ้งกลับไปยังมิจฉาชีพรายนี้ ก่อนที่ทางฝ่ายมิจฉาชีพจะแจ้งว่าไม่เอาเมนูกุ้งเผาและขอให้โอนเงินคืนมาให้ จำนวน 2,520 บาท แต่นับว่าโชคดีที่ในครั้งนี้ ทางร้านได้มีการตรวจสอบรายการรับโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร และพบว่ายังไม่มีการโอนเงินเข้ามาแม้แต่รายการเดียว ซึ่งทางร้านก็ยังไม่คิดว่าจะถูกหลอก จึงรีบทักไลน์ไปหามิจฉาชีพรายนี้เพื่อแจ้งว่าทางร้านยังไม่ได้รับเงินค่าอาหาร และขอให้มิจฉาชีพรายนี้โอนเงินค่าอาหารเข้ามาให้กับทางร้านอีกครั้ง ซึ่งทันที ที่มิจฉาชีพทราบว่าทางร้านรู้ตัว ก็ได้รีบบล็อกไลน์และบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของทางร้านทันที
นางสาวกชพร ซึ่งเป็นเจ้าของร้านได้กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ นอกจากทางร้านจะเดือดร้อนหลงเชื่อโอนเงินไปให้กับมิจฉาชีพ จำนวน 1,370 บาทแล้ว ทางร้านยังต้องมารับภาระค่าอาหาร ที่มิจฉาชีพรายนี้สั่งไว้อีกกว่า 5,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 6,000 บาท ซึ่งในช่วงสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นเงินจำนวนมากที่ทางร้านต้องมารับผิดชอบ โดยหลังจากรู้ตัวว่าถูกหลอก ตนเองได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อหวังให้ช่วยติดตามจับกุมตัวมิจฉาชีพที่หากินบนความเดือดร้อนของคนอื่นแบบนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ พร้อมทั้งได้นำเรื่องราวที่ถูกหลอกนี้ ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กเพื่อฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารที่รับออเดอร์ออนไลน์ ให้ตรวจสอบยอดรับโอนเงินทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหมือนอย่างที่ร้านของตนเองโดน
+ อ่านเพิ่มเติม