อัจฉริยะ จี้สอบ ดีเอสไอ ใช้งบ 1,400 ล้านบาท ทำคดีรถหรู หลังพบพิรุธทำคดีโดยมิชอบ

         คดีรถหรูจดประกอบเลี่ยงภาษีนำเข้าที่ DSI ดำเนินการมานานกว่า 9 ปี ดูเหมือนจะไม่จบลงง่าย ๆ หลังจากที่วานนี้ นายอัจฉริยะ พาผู้เสียหายพร้อมหลักฐานไปยื่นให้ตำรวจ บก.ปปป. ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ DSI หลังพบข้อพิรุธ อาจมีการทำคดีโดยมิชอบ

 

        ประเด็นสำคัญที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อธิบายระหว่างการยื่นหนังสือขอให้ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. รับเรื่องนี้ไปตรวจสอบ มีข้อสังเกตอยู่ 3 เรื่อง ข้อแรกคือการตั้งงบทำคดีที่สูงผิดปกติ คือ ตั้งงบ 200,000 บาท สำหรับการทำคดีรถ 1 คัน หรือคำนวนคร่าว ๆ มีการตั้งงบไว้ถึง 1,400 ล้านบาท สำหรับตรวจสอบรถ 7,000 คัน นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีที่ล่าช้าใช้เวลานานถึง 9 ปี รวมถึงพิรุธทุจริตที่ไปพบข้อมูลว่า มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งมีเจ้าหน้าที่ไปเจรจาต่อรองรับเคลียร์คดีให้ หรือพยายามกดดันให้มอบรถกับ DSI เพื่อนำไปประมูลขายทอดตลาด ซึ่งมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง

 

         ส่วนที่พา นายมนตรี เกตุจรัส เจ้าของโรงงานรถจดประกอบมาร้องทุกข์ด้วย ก็เพื่อยืนยันให้เห็นว่าการทำงานของ DSI ล่าช้า จากการอายัดรถไปตรวจสอบ 37 คัน แต่ผ่านไป 9 ปี กลับได้คืนมาเพียง 9 คัน ทั้งที่ผู้เสียหายบางรายเพียงไม่กี่เดือนก็ได้รถคืนแล้ว ซ้ำรถที่อยู่ในความดูแลอีก 28 คัน ปัจจุบันมูลค่ารถเหล่านี้แทบเป็นศูนย์ เพราะไม่สามารถนำไปจดทะเบียนใช้งานได้ตามกฎหมาย ซึ่งนายมนตรีก็อยากมาร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย เบื้องต้นก็มีตัวแทนตำรวจ บก.ปปป. เป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวไว้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้

 

        ด้าน พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ยอมรับว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่นายอัจฉริยะ นำไปยื่นให้ตรวจสอบ แต่ยืนยันได้ว่าตลอดเวลาที่ DSI ทำคดีนี้มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ โดยคดีรถหรูที่มีการสำแดงราคานำเข้าเป็นเท็จ ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริง DSI ได้สืบสวนตรวจสอบมานานกว่า 8-9 ปีแล้ว ดำเนินการไปทั้งหมด 216 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นส่งสำนวนการไปยังพนักงานอัยการแล้ว 150 คดี และอยู่ระหว่างดำเนินการ 66 คดี และการตั้งงบเบิกจ่ายค่าทำคดี ก็ทำไปตามกระบวนการปกติตามขั้นตอนระเบียบของทางราชการเช่นเดียวกับคดีอื่น ๆ ส่วนเรื่องคดีของผู้กำกับโจ้ ยืนยันว่าจากการตรวจสอบมีเพียงคดีเดียวเท่านั้น ที่พบว่ามีชื่อปรากฎเข้าไปเกี่ยข้องในคดีพิเศษตามที่ได้แถลงชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้วก่อนหน้านี้