ลิ้นสื่อวิญญาณ! นายประเสริฐ ผนึกทอง หรือ หนุ่มรถเปื้อนโคลน ผู้โด่งดังในโลกออนไลน์ ขอท้า หมอปลา พิสูจน์ความสามารถ ยันสัมผัสวิญญาณ คุยกับผีได้ โดยการแลบลิ้น ตวัด ผลุบๆโผล่ๆ ไม่แคร์ใครด่าว่าเพี้ยน
วันที่ 8 ก.ย.2564 นายประเสริฐ ผนึกทอง หนุ่มอ้างใช้ลิ้นสื่อวิญญาณ ขอท้า หมอปลา พิสูจน์ความสามารถ ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงความสามารถพิเศษ สัมผัสวิญญาณ คุยกับผีได้
นายประเสริฐ ผนึกทอง หรือ หนุ่มรถเปื้อนโคลน ผู้ที่อ้างใช้ลิ้นสื่อวิญญาณได้ เผยอยากเจอหมอปลามาก แต่ไม่ได้ออกไปเจอแก เพราะไม่มีเวลา ไม่ใช่เพราะกลัวโดนจับโป๊ะ วันนี้ที่มา ช่อง 7 เข้ามาก็ไม่เจออะไร สัมผัสอะไรไม่ได้ ผมพาเพื่อนมาด้วย 3 ตน ให้รออยู่ในรถ ผมไม่ให้เข้ามา กลัวเขาเข้ามาแขวะหมอปลาในรายการ เพื่อนที่มาด้วย เป็นเพื่อนผมแท้ๆเลยที่ตายไปแล้ว ปกติผมล้างหน้าด้วยน้ำมะพร้าวเพื่อจะเข้าไปอยู่กับวิญญาณยิ่งเปิดเพลงธรณีกรรแสง ยิ่งสัมผัสวิญญาณได้เร็ว จุดเริ่มต้นที่ผมสัมผัสวิญญาณได้คือ เมื่อ 3- 4 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ผมเลี้ยงวิญญาณ ไปไหนมาไหนผมก็แคล้วคลาดปลอดภัย แล้วพวกผีคุยกันให้ผมรู้ว่าให้ใช้ลิ้นตวัด ถ้าเจอวิญญาณลิ้นจะชา บางคนในคอมเม้นต์ก็บอกว่าผมเลียผี หรือเลีย...ี
นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ วิเคราะห์ภาษากายของ นายประเสริฐ ว่า เขาเป็นคนมั่นใจในตัวเอง เป็นคนสื่อตรงๆ พูดจาง่ายๆ เวลาที่เขาพูด เขาก็สบตาเราอยู่ จะเป็นอะไรต่อไปหรือเป็นอะไรต้องดูต่อ
ฟาก หมอปลา มองว่า เขาแตกต่างกับหมอผีหลายคนที่ออกทีวี คนพวกนี้เขามาเพื่อประโยชน์ แต่แบบนี้ไม่มีพิษมีภัย
ในช่วงหนึ่งของรายการ ถกไม่เถียง ได้มีการพิสูจน์ด้วยการให้คนสามคนเข้ามาในรายการ ซึ่งหนึ่งในนี้อ้างว่า โดนผีเข้า อยากให้นายประเสริฐ พิสูจน์ว่าคนไหนคือคนที่โดนผีเข้าตัวจริง ซึ่งนายประเสริฐ ได้ทายว่า ผู้หญิงเสื้อขาว เป็นคนที่วิญญาณเข้าสิง โดยถูกผีผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์เข้าสิง ซึ่งเขาทายถูกจริงๆ ส่วนผู้ชายอีกสองคนคือทีมงานของรายการ รวมถึงได้เกิดเหตุผีเข้าผู้หญิงคนนี้กลางรายการด้วย เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไร ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วย
ด้านหมอกอล์ฟ วิเคราะห์ภาษากายของ คนที่เราเตรียมมาให้พิสูจน์ คนแรกที่สวมเสื้อแดงตัวสั่นๆ หลบตา ไม่ค่อยมองกล้อง ถ้าเขาไม่ได้โดนผีเข้าจริง ผมว่าเขาแสดงเก่งมากครับ น่าจะเป็นทีมงาน คนที่สองผู้หญิงเสื้อขาวถ้าสังเกตดีๆ เขาเป็นคนเดียวที่ห้อยพระ เขาไม่หลบกล้อง แต่ตาเขาดูลอยๆ ส่วนคนที่ 3 ดูสู้กล้อง ดูแล้วน่าจะเป็นทีมงาน
ส่วนหมอปลา ร่วมพิสูจน์ด้วย โดยหมอปลา เชื่อว่า คนแรกเสื้อแดงดูแล้วน่าจะเป็นทีมงาน เพราะเขาตัวสั่นอยู่กับที่ แต่ไม่กรี๊ด ดูแล้วน่าจะเป็นการแสดงมากกว่า ส่วนผู้หญิงเสื้อขาว ตาลอยๆ แถมห้อยพระ ตามปกติแล้วคนที่เคยโดนผีเข้ามักจะห้อยพระหรือตะกรุดไว้ที่คอ ส่วนคนที่สามดูแล้วน่าจะเป็นทีมงาน
ทางรายการจึงได้พูดคุยกับ คุณณัฐ ผู้หญิงเสื้อขาว ผู้ที่ถูกผีเข้า เล่าให้ฟังว่า ตนเองเคยไปแถวๆศาล แล้วก็มีอาการตัวชาแบบบอกไม่ถูก ตอนนั้นก็ไม่ได้พูดหรือทำอะไรเลย แต่พอกลับมาบ้านก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เหมือนมีคนเรียก บางครั้งก็คุมตัวเองไม่ได้ เกิดอาการสั่น สั่นข้างในแบบบอกไม่ถูก หลังจากคุณณัฐ ลองถอดพระที่ห้อยคอออก ก็เกิดอาการสั่น แล้วกรี๊ดลั่น ทำให้ นายประเสริฐ ผนึกทอง ลิ้นสื่อวิญญาณ ทำอะไรไม่ถูก อ้างไม่เคยเจอวิญญาณดุร้าย เคยเจอแต่วิญญาณดี บอกนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ถ้าเจอแบบนี้เราคุยกันไม่ได้แล้ว
หมอกอล์ฟ เผยว่าอาการของคุณณัฐ ในทางวิทยาศาสตร์ พี่เขามีลักษณะกายภาพแปรปรวน ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง โดนชักจูงได้ง่าย ตอนที่เขาหายใจเร็วๆ มือเขามีลักษณะจีบ อาการเขาคล้ายๆกับการชักเกร็งจากความเครียด ผมคาดว่าพอเขาใส่พระอยู่มันทำให้เขารู้สึกมั่นใจ ไม่มีอะไรทำเขาได้ แต่พอถอดพระออก เขาเริ่มไม่มั่นใจ เลยแสดงออกมาด้วยการชักเกร็ง ผมคาดว่าเขาน่าจะมีความเครียด แต่ไม่ได้รับการระบายออกมา เลยเกิดการสะสมแล้วเกิดออกมาเป็นแบบนี้ สำหรับการรักษา เขาต้องเข้ารับการบำบัด กินยา ซึ่งถ้าเขาไม่ได้รับการบำบัด และกลับไปอยู่ในสังคมแบบเดิม ชุมชนแบบเดิม เขาก็อาจจะกลับมาเป็นได้อีก เบื้องต้นหากมีอาการแนะนำให้หายใจเข้านับ 1-5 หายใจช้าๆ แล้วบอกผีว่าอย่าเพิ่งเข้า ตอนนี้เข้ารายการอยู่
นายประเสริฐ ผนึกทอง ยอมรับว่า กรณีนี้ช่วยไม่ได้ ผมไม่ได้ช่วยคน ผมช่วยเขาไม่ได้ครับ ปกติผมเชิญแต่วิญญาณอ่อนโยน บอกง่ายๆ พอผมเชิญเขาก็จะไปกับผม แต่วิญญาณชั่วร้ายผมไม่เอา ผมเชิญวิญญาณดีๆ ไปอยู่ด้วยกัน ไปไหนจะได้ไปด้วยกัน ช่วยปกปักรักษาผม แต่วิญญาณชั่วร้ายนี่ถ้าเอาไปด้วยน่าจะฉิบหายนะครับ ผมไม่ใช่แผนกช่วย ผมแผนกหาครับ
ด้านหมอปลา เห็นด้วยกับ หมอกอล์ฟ จากที่หมอกอล์ฟพูด พอเขาถอดพระก็เหมือนขาดที่พึ่งทางจิตใจ หลายคนพูดว่าผมเป็นหมอผี ทำไมพูดเรื่องวิทยาศาสตร์ บทสรุปของผมให้ดูตอนจบ ผมพูดแนะนำทุกคนคือเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่ดี เราก็เอาเรื่องความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง คือสวดมนต์ ไหว้พระ แต่กรณีนี้ต้องเอาเรื่องจิตวิทยามาช่วยด้วย โดยการพาไปอุโบสถพระใหญ่เลย แล้วดูว่าพอถอดพระแล้วจะเกิดอาการอีกไหม เผื่อเขาจะสบายใจขึ้น