รวบพระนอกรีต อ้างมีอาคม หลอกชาวบ้านดูดวง สะเดาะเคราะห์ต่อเงินต่อทอง เหยื่อหลงเชื่อสูญครึ่งล้าน
logo ข่าวอัพเดท

รวบพระนอกรีต อ้างมีอาคม หลอกชาวบ้านดูดวง สะเดาะเคราะห์ต่อเงินต่อทอง เหยื่อหลงเชื่อสูญครึ่งล้าน

ข่าวอัพเดท : รวบพระนักตุ๋น อ้างมีอาคม หลอกดูดวงประชาชน ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อเงินต่อทอง เหยื่อนับสิบหลงเชื่อ สูญครึ่งล้าน พระ,หลอก,ตุ๋นเงิน,ชาวบ้าน,เหยื่อ,ดูดวง,สะเดาะเคราะห์

885 ครั้ง
|
07 ก.ย. 2564
รวบพระนักตุ๋น อ้างมีอาคม หลอกดูดวงประชาชน ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อเงินต่อทอง เหยื่อนับสิบหลงเชื่อ สูญครึ่งล้าน
 
วันที่ 7 ก.ย. 64 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป. พร้อมกำลัง ร่วมกันจับกุม พระฐิตุเมโธ หรือ นายนที (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ฉ้อโกง” ยังต้องการตัว 5 หมายจับ ของศาลจังหวัดพิจิตร สามารถจับกุมได้ที่บริเวณภายในวัดแห่งหนึ่ง ม.3 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา
 
สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณปลายปี 60 นายนที ได้อ้างตนเป็นพระสงฆ์มีอาคม รับทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ดูดวงให้กับประชาชน ในพื้นที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จนมีผู้นิมนต์ให้ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาในพื้นที่ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยในพิธีดังกล่าวมีชาวบ้านเข้ามาร่วมพิธีหลายสิบคน เนื่องจากเข้าใจว่าผู้ต้องหาเป็นพระดัง ซึ่งเมื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์
 
โดยผู้ต้องหาได้ออกอุบายดูดวงพร้อมกับหลอกให้ชาวบ้านนำเอาของมีค่ามาใส่ไว้ในบาตร และทำพิธีกรรมร่ายมนต์คาถาห่อผ้าขาว เรียกทรัพย์ต่อเงินต่อทอง อ้างว่าหากใส่ทอง 5 บาท จะได้คืนเป็น 10 เท่า 1,000 เท่า ชาวบ้านจึงนำเงินสด และสร้อยแหวนเงินทองมาใส่ไว้ แต่ผู้ต้องหากลับออกอุบายกับชาวอีกว่า ต้องห่อผ้าไว้ 7 วันถึงจะเปิดได้ แต่เมื่อครบกำหนด 7 วัน ผู้ต้องหากลับไม่นำของมาคืนให้กับชาวบ้าน ทางชาวบ้านจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ สภ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
 
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีการการจับกุมไปจำวัดในหลายจังหวัด กระทั่งปี 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
 
พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. เร่งติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย อาศัยความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมาหลอกลวงเอาทรัพย์สินไป เป็นภัยต่อสังคม
 
กระทั่งวันที่ 6 ก.ย. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาจำวัดอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบจนพบตัวผู้ต้องหานั่งอยู่บริเวณหน้ากุฏิวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จึงเข้าทำการจับกุม และพาไปทำการลาสิกขา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ต้องหา ไม่ขอให้การในชั้นจับกุม ส่วนทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกงมูลค่าขณะนั้นประมาณ 5 แสนบาท ประกอบด้วย 1.สร้อยคอทองคำลายลูกโซ่ น้ำหนัก 6 บาท ราคา 120,000 บาท 2.สร้อยคอทองคำลายลูกโซ่ น้ำหนัก 2 บาท ราคา 40,000 บาท 3.สร้อยคอทองคำลายลูกโซ่ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท 4.สร้อยข้อมือเลสทองคำ  น้ำนัก 4 บาท ราคา 80,000 บาท 5.พระรูปหล่อหลวงพ่อคูณเหลี่ยมทอง น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท 6.สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 2 เส้น ราคา 20,000 บาท 7.สร้อยคอทองคำ ลายลูกโซ่ น้ำหนัก 2  สลึง ราคา 10,000 บาท 8.สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท 9.สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก  1  บาท ราคา 20,000 บาท 10.สร้อยคอทองคำลายผ่าหวาย น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท 11.สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้น ราคา 40,000 บาท และ 12.แหวนทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง