เมื่อปี 2552 มีคดีๆ หนึ่งซึ่งคล้ายๆ กับคดีของผู้กำกับโจ้ คือเหยื่ออายุ 18 ปี ถูกตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทราจับกุมตัวไปดำเนินคดีวิ่งราวทรัพย์ทอง โดยเหยื่อถูกตำรวจทำร้ายร่างกายบังคับให้รับสารภาพ แต่พอไม่รับก็ใช้วิธีคลุมถุงดำที่ศีรษะ จนน้องทนไม่ไหวต้องรับสารภาพ
นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร ซึ่งเป็นบิดาของนายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ขณะที่เกิดเหตุอายุเพียง 18 ปี เล่าให้ฟังว่า ลูกชายถูกทำร้ายคล้ายกับคดีของผู้กำกับโจ้ ตนเองและลูกชายสู้คดีฟ้องตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยตำรวจนายที่ทำร้ายมียศพันตำรวจโท แต่สุดท้ายศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกตำรวจนายนี้ 2 ปี ลดโทษจนเหลือรอลงอาญา 2 ปี จากนั้นตำรวจนายดังกล่าวก็กลับมารับราชการตามปกติ ได้เลื่อนตำแหน่งและมีชีวิตที่ดี ปัจจุบันยังสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 อีกด้วย
พอนำไปเทียบเคียบกับคดีผู้กำกับโจ้ มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่สุดท้ายคดีนี้จะจบลงด้วยการรอลงอาญา เช่นเดียวกับคดีของบุตรชายตน โดยศาลมองว่าเมื่อพิจารณาถึงอาชีพ และประวัติที่ไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญา ดังนั้นจึงอยากให้ครอบครัวเหยื่อครั้งนี้พยายามต่อสู้ เพราะครั้งนี้มีคลิปเป็นหลักฐานชัดเจน และถึงแม้เหยื่ออาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ก็ไม่มีสิทธิไปซ้อมทรมานเช่นนี้
ทั้งนี้มองว่า กฎหมายไทยอ่อนเกินไป ทำให้ตำรวจที่ไม่ดีซ้อมทรมานผู้ถูกกล่าวหาโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดังนั้นตนเองจึงเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมานและอุ้มหาย เพื่อมาแก้ปัญหาดังกล่าว และเพิ่มโทษตำรวจที่ซ้อมทรมานให้ต้องถูกลงโทษ โดยไม่รอลงอาญา และไม่ให้กลับไปรับราชการได้อีก ขณะที่ผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่ก่อเหตุก็ต้องรับผิดชอบด้วยครึ่งหนึ่ง
+ อ่านเพิ่มเติม