อ.ปริญญา ซัด อย่าหลงประเด็น ชี้ทรมานผู้ต้องหา จะรีดเงิน หรือ รีดข้อมูล ก็ทำไม่ได้

     วันที่ 30 ส.ค.64  ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ข้อคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการปฏิเสธข้อกล่าวหาของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ กรณีใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อขยายผลข้อมูลยาเสพติด โดยระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อรีดเงินหรือรีดเอาข้อมูลที่ซ่อนยา ก็ทำไม่ได้ อย่าให้ถุงดำใบต่อไปมาคลุมหัวใครอีก

 

       ในการแถลงข่าวของ #ผกกโจ้ ผ่านโทรศัพท์มือถือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เปิดให้สื่อมวลชนรับฟังว่า สาเหตุที่เอา #ถุงคลุมหัวผู้ต้องหา ไม่ใช่เป็นการรีดเงิน 2 ล้าน  แต่ต้องการรีดข้อมูลที่ซ่อนยาและไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาเห็นหน้า เรื่องคลุมหัวเพราะไม่ให้ผู้ต้องหาเห็นหน้านั้นฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว แต่สำหรับเหตุผลว่าทำไปเพื่อรีดข้อมูลที่ซ่อนยาเพื่อปกป้องสังคมจากยาเสพติดนั้นเราจะยอมรับได้หรือ?

 

      “เราต้องไม่หลงประเด็นไปตามทางที่เขากำลังพาเราออกไป ต่อให้เป็นการรีดข้อมูลที่ซ่อนยาเสพติด และไม่มีการรีดเงินจริงๆ ตำรวจก็จะเอาถุงไปคลุมหัวหรือทรมานผู้ต้องหาไม่ได้ และผู้ต้องหาไม่ว่าจะเป็นพ่อค้ายาหรือจะเป็นใครก็ทำแบบนี้กับเขาไม่ได้” อาจารย์ปริญญาระบุ

 

        ผศ.ดร.ปริญญา ระบุด้วยว่า หากเรายอมรับให้ใช้วิธีการแบบนี้กับพ่อค้ายาเสพติด หรือยอมรับวิธีทรมานผู้ต้องหาในการแก้ปัญหายาเสพติด ก็แปลว่าถ้าตำรวจอยากทำเช่นนี้กับใครก็ตั้งข้อหายาหรือยัดยาให้ หรือตั้งข้อหาร้ายแรงให้ แล้วก็เอาถุงคลุมหัวหรือทรมานได้ อย่างนั้นหรือ? ความยุติธรรมเป็นเรื่องส่วนรวม ถ้าความโหดร้ายเช่นนี้เกิดกับใครสักคนได้ มันก็เกิดกับทุกคนได้

 

      สังคมได้เห็นคลิปนี้กันหมดแล้ว ผบ.ตร.จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมาได้ มีทางเดียวคือต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้สังคมเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร.) ไม่ยอมรับวิธีการแบบนี้ และจะจัดการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำแบบนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก

 

         “ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ส่งคลิปนี้ให้ และให้ข้อมูลว่าคลุมหัวเพื่อเรียกเงิน 2 ล้านบาท ไม่มีการพูดถึงแม้แต่น้อยว่าจะคุ้มครองเขาอย่างไร แค่ ผกก.โจ้ พูดผ่านมือถือว่า ไม่ใช่การรีดเงิน เป็นแค่การรีดข้อมูลที่ซ่อนยา ที่ทำท่าขึงขังจริงจังในตอนแรกว่าจะ “กำจัดนิ้วร้าย” ตอนนี้ก็ดูจะความผิดแค่  “สอบผู้ต้องหายาเสพติดหนักมือไป” เท่านั้นเสียแล้ว”

 

เรื่องนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ ทั้ง ผบ.ตร. และนายกรัฐมนตรี ทั้งในฐานะผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในฐานะที่ปล่อยให้เวลาผ่านไป 7 ปีโดยไม่ดำเนินการใดที่เป็นการปฏิรูปตำรวจเลย เริ่ม #ปฏิรูปตำรวจ ด้วยการไม่ยอมเรื่องนี้ อย่าให้ถุงดำใบต่อไปมาคลุมหัวเราหรือไปคลุมหัวใครอีก