วันที่ 24 ส.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้หารือกับ 9 สมาคมธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจร้านอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมคลินิกเอกชน สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย กลุ่มสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย สมาคมสนามกอล์ฟไทย และสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย และสมาคมภัตตาคารไทย ซึ่งได้มายื่นหนังสือ ข้อเรียกร้องเพื่อขอผ่อนคลายมาตรการให้สามารถประกอบธุรกิจไปได้ภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลพยายามหาทางออก สร้างจุดสมดุลให้แก้ไขปัญหาโควิดเดินไปพร้อม ๆ กับเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์โควิดดูท่าทีผ่อนคลายลง แต่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ก็ยังต้องขึ้นกับการพิจารณาของ ศบค. ในวันที่ 27 ส.ค.นี้
แต่มีแนวโน้มว่าเป็นไปได้ที่จะให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ประมาณ 50% รวมถึงสถานประกอบการกลางแจ้ง สถานออกกำลังกายต่างๆ ก็อาจจะได้มีการผ่อนคลายให้ต่อไป
สิ่งสำคัญคือกระทรวงสาธารณสุขอยากจะให้มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อฯ จึงได้เสนอมาตรการองค์กร ผู้ประกอบการทั้งหลายจัดระบบป้องกันการติดเชื้อ ขอให้พื้นที่บริการทั้งหมดต้องปลอดโควิด (covid free) ช่วยกันคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ในเข้าไปในสถานประกอบการแต่ละแห่ง เบื้องต้นมีหลักปฏิบัติ 3 ข้อ 2 ข้อแรกเป็นของผู้ประกอบการ คือ จัดสภาพแวดล้อม ให้มีระยะห่าง ระบบระบายอากาศดี สถานที่สะอาดปลอดภัย นอกจากนี้บุคลากรจะต้องส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน 2 เข็ม ซึ่งทราบว่าบางส่วนมีการฉีดไปแล้ว ส่วนที่เหลือมีจำนวนไม่มาก กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลให้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องมีการระมัดระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ โดยให้มีการตรวจสกรีนด้วยชุดตรวจ ATK เป็นระยะ ซึ่งในส่วนนี้ ทางลูกค้าต้องปฏิบัติด้วยคือ ตรวจ หรือแสดงตนว่าไม่ได้เป็นคนผู้ติดเชื้อ คือฉีดวัคซีน 2 เข็ม ซึ่งมีข้อมูลในหมอพร้อมอยู่แล้ว หรือมีการตรวจ ATK หรือผลตรวจ RT-PCR หรือเป็นผู้ที่เคยติดเชื้อไปแล้ว 1 เดือน ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการสำหรับสถานประกอบการในระบบปิด ส่วนระบบเปิดน่าจะผ่อนปรนได้มากกว่านี้
สำหรับข้อเสนอของผู้ประกอบการ นั้น โดยนางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการสมาคมศูนย์การค้าไทย นำเสนอว่าแนวทางการขอเปิดธุรกิจที่สมาคมศูนย์การค้าเสนอมาแบ่งเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 คือ 1 ก.ย. ระยะที่ 2 วันที่ 15 ก.ย.และระยะที่ 3 คือ 30 ก.ย. โดยแผนระยะที่ 1 ได้แก่ เปิดธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มนั่งรับประทานที่ร้าน 50% และเปิดธุรกิจก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน คลินิกทันตกรรม ร้านนวด สปาเฉพาะนวดเท้า คลินิกเวชกรรม ธุรกิจเสริมสวยงดเว้นบริเวณใบหน้า ธุรกิจไอทีอุปกรณ์สื่อสารและไฟฟ้า อาคารสำนักงาน ธุรกิจบริการ เช่น ล้างรถ ซ่อมกุญแจ ไปรษณีย์ เบ็ดเตล็ด เช่น ร้านตัดแว่น สนามกอล์ฟและกีฬากลางแจ้ง
ระยะที่ 2 เป็นการเปิดธุรกิจร้านอาหารแบบนั่งรับประทานที่ร้าน 75% ธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และ ธุรกิจสถาบันการศึกษา และ ระยะที่ 3 อาจจะเร็วกว่ากำหนดก็ได้คือธุรกิจร้านอาหารแบบนั่งรับประทาน 100% ธุรกิจประกอบการสุขภาพและสปา เครื่องเล่นเด็ก และผู้ใหญ่ ธุรกิจฟิตเนส และออกกำลำลังกายในร่ม ธุรกิจโรงภาพยนตร์และห้องจัดเลี้ยง
ทั้งนี้ มาตรการปฏิบัติเพื่อรองรับการดำเนินการอย่างปลอดภัย อาทิ ผู้มาใช้บริการต้องได้รับการฉีดวัคซีน และมีการทำสวอฟเทสต์ ดังนั้นขอให้กรุงเทพฯ พิจารณาปลดล็อค และระบุเป็นแผนและแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้าไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวเตรียมความพร้อมและการสร้างความเชื่อมั่นทั้งภาครัฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชนโดยรวม ทั้งนี้ศูนย์การค้าทุกแห่งประสงค์จะปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขโดยเคร่งครัดและถือเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ศูนย์การค้าสนามกอล์ฟสนามกีฬากลางแจ้งสามารถเปิดบริการได้ตามปกติ.
+ อ่านเพิ่มเติม