ครูอัตราจ้างสุดอัดอั้น วอน ศธ.ช่วย หลังกำลังจะถูกเลิกจ้างเกือบ 2 พันชีวิต ลอยเคว้งในช่วงโควิด: ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

       จากกรณีที่ครูสาวรายหนึ่ง ได้อัดคลิปวิดีโอ แสดงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ทำงานเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนมานานหลายปี แต่กำลังจะถูกเลิกจ้างในสิ้นเดือน ส.ค. 64 นี่ ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวได้ถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างแสดงความเห็นใจกลุ่มครูอัตราจ้างจำนวนเกือบ 2 พันคน ที่ตกอยู่ในภาวะที่เหมือนเรือลอยเคว้งคว้างกลางทะเล และกำลังจะกลายเป็นคนที่ต้องตกงานท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

 

       วันที่ 9 ส.ค.64 หนึ่งฤทัย ชัยรส (แพม) , ปิยมาศ อรทัย (แพท) และ ยุวดี เรณู (หน่อย) ครูอัตราจ้างวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ พร้อมด้วย ดร.กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ถกไม่เถียง ออกอากาศทางช่อง 7HD ถึงประเด็นที่ออกมาอัดคลิปร้องขอความช่วยเหลือจากกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยหาทางแก้ปัญหาครูอัตราจ้างที่กำลังจะกลายเป็นคนว่างงานในสิ้นเดือน ส.ค.64 นี้

 

       หนึ่งฤทัย ชัยรส (แพม) ครูอัตราจ้างวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เผยรู้สึกกังวลใจหลังเห็นหนังสือเลิกจ้าง แล้วได้มีการคุยกันในกลุ่มครู ทุกคนรู้สึกเครียดเพราะกำลังจะตกงาน เราทราบเรื่องตอนช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงต่อสัญญาพอดี แต่เราไม่เห็นหนังสือต่อสัญญา ปกติเราจะต่อสัญญาเป็น รายปี หรือ 6 เดือน แต่ปัจจุบันเป็นการต่อสัญญาระยะสั้น 3 เดือน หรือ 1 เดือน มีความไม่แน่นอน และต้องรอเงินอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

 

       ปิยมาศ อรทัย (แพท) และ และ ยุวดี เรณู (หน่อย) ครูอัตราจ้างที่โดนผลกระทบเช่นเดียวกัน กล่าวเสริมว่า พอเราเห็นหนังสือเลิกจ้างแล้วก็ทำให้ไม่สบายใจ เพราะปกติจะมีหนังสือแจ้งเรื่องการต่อสัญญาส่งมา เลยไม่ทราบว่าจะมีการสิ้นสุดโครงการ กลายเป็นว่าเราต้องมาเจอการเลิกจ้างแทน ซึ่งหนังสือสิ้นสุดสัญญาที่เราเห็น ลงวันที่ 7 มกราคม เราก็ไม่ทราบหนังสือที่ส่งมามันไปติดอยู่ตรงไหน ทำให้เราทราบเรื่องล่าช้า

 

         การโดนเลิกจ้างครั้งนี้ ทำให้คุณครูทั้ง 3 รู้สึกเครียดมาก ครูหน่อย บอกรู้สึกเหมือนคนจมน้ำ มืดแปดด้าน เพราะรายได้หลักหายไปเลย จะให้ไปหางานใหม่ในสถานการณ์แบบนี้กฌไม่รู้จะหางานได้จากที่ไหน เพื่อนบางคนในกลุ่มเครียดจนต้องกายภาพ ด้านครูแพม เผย กระทบรายได้หลักของครอบครัว ไหนจะหนี้สินที่ต้องใช้จ่าย จะสมัครงานใหม่ หรือจะสอบอะไรช่วงนี้ก็โดนเลื่อนออกไปหมด 

 

       ด้าน ดร.กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เผยว่า โครงการนี้เกิดขึ้นในปี 2553 เป็นครั้งแรก ด้วยเงินโครงการไทยเข้มแข็ง ได้ให้เงินก้อนหนึ่งมาจ้างครูในโครงการวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ 3,000 อัตรา เพื่อส่งครูไปสอนโรงเรียนที่ขาดแคลนครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เลยเป็นที่มาของโครงการนี้ แต่ช่วงหลังเริ่มมีครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพิ่มมากขึ้น เมื่อไทยเข้มแข็งหมดไป เราของบรอบปี 2556- 2558 ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง มาจ้างน้องๆ เหล่านี้ต่อ หลังจากนั้นมีความจำเป็นอีกในปี 2559 - 2561 เพราะยังมีความจำเป็นอยู่ เช่นรอบปัจจุบัน ผมไม่ตำหนิใคร แม้แต่น้อง 3 คนที่อยู่ตรงนี้ จุดอ่อนของคนไทยคือการบริโภคข้อมูลข่างสารได้ไม่เต็มที่ เรื่องนี้ ท่านรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งเฉย กำลังหาแนวทางแก้ไข พร้อมกับหาลู่ทางในการดูแล อย่างที่เรียนไปแล้ว พอรอบที่ 3 ถ้าเราต้องดูแลกันอีกคงเป็นไปได้ยาก แต่วันนี้จะคาดคั้นเอาคำตอบจากผมคงเป็นไปไม่ได้ ทิศทางขอผู้ใหญ่ชัดเจน เรายังมีเวลาอีกพอสมควร ยังมีอีกหลายประตูให้เราเลือก ประตูหนที่เป็นไปได้ที่ผมคิดว่าในหลักการทั่วไป คนเราทำงานเป็นครอบครัว ขั้นร้ายแรงที่สุดเราคงไม่ทำร้ายครอบครัวน้องๆ

 

      หลัง ดร.กวินทร์เกียรติ เผยถึงแนวทางการช่วยเหลือ คุณครูทั้ง 3 คน ก็ยอมรับว่าสบายใจขึ้น ที่ได้รับรู้ว่าผู้ใหญ่กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดให้้กับทุกฝ่าย เพราะเรารักในอาชีพครู เราพร้อมน้อมแสดงศักการภาพด้านการเป็นออกมาให้เต็มที่ ถึงไม่มีเงินเดือนเราก็จะสอนให้จบเทอม ไม่ทิ้งเด็กๆ กลางคัน เรายอมทุกอย่างให้มีทางออกที่ดีที่สุด ยกเว้นการเลิกจ้าง ถ้าเลิกจ้างตอนนี้กระทบแน่ๆ เราเคยโดนคนว่าเป็น ครูอีปอม ซึ่งคำนี้ เราได้ฟังแล้วมันเจ็บ มันแปลว่าไม่ใช่ครูจริงๆ แม้แต่เด็กก็มาถามว่าเราว่า ครูเป็นครูอีปอมหรอ

 

        ซึ่ง ดร.กวินทร์เกียรติ เผยว่า เข้าใจความรู้สึกที่น้องๆเขาพูด จริงๆคำว่าครูมันยิ่งใหญ่นะ คนที่ฝึกทหารก็เรียกว่าครู อยากให้น้องอย่ากังวลใจ ในพฤติกรรมคือครูยิ่งกว่าร้อยเปอร์เซ็น เหลือแค่ทางนิตินัยเท่านั้น ส่วนเรื่องการช่วยเหลือ ไม่อาจฟันธงได้ 100% เพราะเดี๋ยวถ้าไม่ได้จะกลายเป็นว่าโกหกน้องๆอีก แต่จะช่วยเต็มที่ ถ้ามีความเป็นไปได้หลายๆทาง เช่น คนนี้อาจจะเลือกทางออกแบบนี้ อีกคนอาจจะเลือกอีกอย่างก็ได้ มันอาจจะมีรายละเอียดเยอะ เรียกว่าเป็นการเยียวยาดีกว่า บางทีทางออกอาจไม่ใช่ทางที่ฝ่าบบริหารคิดเอง แต่อาจจะมาจากข้อเสนอที่น้องๆช่วยกันคิดด้วย โดยต่างฝ่ายต่างมาช่วยกันเสนอทางออกร่วมกัน โดย สพฐ.ยินดีที่จะรับฟังข้อเสนอที่ดีที่สุด คาดภายในกันยายนนี้ จะมีคำตอบ