หมอนิธิพัฒน์ เผยต้องจับตาสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่าจะไปทิศทางไหน หลังพบสายพันธุ์เดลต้าพุ่ง จะต้องล็อกดาวน์เพิ่มอีกหรือไม่ ระบุเตียงผู้ป่วยทุกระดับความรุนแรง กทม. และปริมณฑลติดขัดมาก ห่วงกระทบคนไข้ที่ไม่ใช่โควิด-19 ถูกรุกล้ำ แนะเปลี่ยนวิธีการรับมือ
วันที่ 5 ก.ค. 64 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ในรายการ ถกไม่เถียง ออกอากาศทางช่อง 7HD ระบุว่า ในก่อนช่วงสงกรานต์ยังคิดว่าสถานการณ์อาจจะผ่อนคลายลงหน่อยได้ แต่พอเกิดกรณีแคมป์คนงาน หรือสายพันธุ์เดลต้า เกมมันเปลี่ยน ทำให้ระบบสาธารณสุขต้องคิดกันใหม่ ตนเองเริ่มสังเกตว่า สายพันธุ์เดลต้า ทำให้คนเกิดอาการปอดอักเสบเร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนการรับมือ นำคนไข้เข้ามารักษาให้เร็วมากขึ้น เป็นตัวกระตุ้นให้ต้องวางแผนล่วงหน้า 3 - 6 เดือน ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วกว่าปกติ เพราะมันเกิดปรากฏการณ์ผึ้งแตกรัง จากคนงานเข้าสู่ชุมชนคนทั่วไปได้มาก และรวดเร็ว เชื่อว่าถ้ามีการล็อกดาวน์ก่อนสงกรานต์น่าจะช่วยได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีการจัดการกับต้นตอของการระบาดด้วย ซึ่งตนเองก็เห็นใจทางฝ่ายความมั่นคง เพราะพรมแดนประเทศไทยก็ยาวมาก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ความไม่เคร่งครัดเข้มงวดของเจ้าหน้าที่รัฐฯ และมันก็มีกลุ่มคนที่จำเป็นต้องใช้แรงงานที่ค่าแรงต่ำ ทั้งสองอย่างเป็นส่วนให้เกิดเหตุครั้งนี้
สำหรับเรื่องวัคซีน ตอนนี้คนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม จะเป็นคนในพื้นที่สมุทรสาคร และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งตนเองก็ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม วัคซีนซิโนแวคมันมีประโยชน์ช่วยปกป้องคนไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ช่วยไม่ให้อาการป่วยหนัก หรือเสียชีวิต ตอนนี้เรากำลังรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ พบว่าการหาผู้ที่ป่วยหนักหลังจากฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ลดน้อยลง แต่ตอนนี้ พบว่าคนที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันมีแนวโน้มว่าจะตกลง ดังนั้นจึงอาจจะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แต่ต้องรอข้อมูลมากกว่านี้ และฉีดในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งการจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยปกติแล้วควรจะเป็นวัคซีนคนละแฟลตฟอร์มกัน เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ส่วนประเด็นดราม่าเอกสารไฟเซอร์หลุดในข้อที่ 10 ที่ระบุว่า “ในขณะนี้ ถ้าเอามาฉีดกลุ่ม 3(บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า) แสดงว่าเรายอมรับว่า Sinovac ไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้นนั้น ตนเองมองว่า ลักษณะของเอกสารนั้น มีลักษณะเหมือนเป็นโน้ตของผู้ที่เข้าประชุม รวบรวมความคิดเห็นที่เกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาจะพูดคุยกันอย่างไรนั้นต้องว่ากันไปอีกเรื่อง แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความคิดในการบริหารจัดสรรวัคซีน แต่เราเห็นกันอย่างชัดเจนแล้วว่า กลุ่มแพทย์และพยาบาลที่อยู่ด่านหน้า จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มเติม โดยส่วนตัวคิดว่า นโยบายสาธารณะ โดยเฉพาะโควิด มันต้องพูดความจริง ถ้ามันไม่ดีก็ไม่เห็นว่ามันจะต้องเสียหน้า หากจะบอกว่าวันนี้ซิโนแวคมันไม่ได้ผลดีเหมือนเดิมแล้ว
หมอนิธิพัฒน์ เผยว่า ตนเองคิดว่าตอนนี้เป็นการระบาดระลอก 4 มาประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว เฉพาะในกรุงเทพและปริมณฑล ยังไม่กระจายไปทั่วประเทศ เพราะวิธีการระบาดมันเปลี่ยน อาการของโรคมันเปลี่ยน ทำให้แผนการที่ใช้ในระลอกที่ 3 ไม่สามารถใช้ได้แล้ว แผนการทุกอย่างต้องเปลี่ยน ขั้นแรกคือต้องมีนโยบายที่จัดการอย่างรวดเร็ว และต้องมีการปรับแผนการบริหารจัดการวัคซีนด้วย ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องทำในทันที สิ่งที่หมอห่วงตอนนี้ไม่ได้มีแค่บุคลากรทางแพทย์ที่เหนื่อยล้า หรือคนที่ป่วยโควิด แต่มีคนไข้ที่ไม่ใช่โควิดด้วย เพราะพวกเขาเริ่มถูกรุกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทั้งคนไข้มะเร็งที่รอผ่าตัด รอให้เคมีบำบัด หรือคนไข้ที่ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด ก็ต้องเลื่อนการรักษาไปก่อน
เรื่องเปิดประเทศเสรีเหมือนก่อนโควิดภายใน 120 วัน ตนเองคิดว่าทำไม่ได้แน่นอน แต่ก็คงสามารถเปิดในบางที่ได้ ในสถานประกอบการบางส่วนได้ เพราะเราก็ไม่สามารถปล่อยให้ทุกอย่างหยุดนิ่งได้ เราก็ต้องยอมแลก เราไม่สามารถปิดประเทศแล้วอยู่เฉยๆได้ ต้องเลือกเปิดพื้นที่ที่เราควมคุมการเข้าออกได้ง่าย นั่นเป็นสิ่งทีเราทดลองกัน ถ้าไม่เป็นไปตามแผนต้องมีการปรับเปลี่ยน หรือทำการยุติไปเลย
ส่วนสถานการณ์การเลือกรักษาอย่างเต็มที่ หรือรักษาแค่บางส่วนเราทำกันมาอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดมันทำให้เราต้องทำมากขึ้น นั่นหมายถึงมีขั้นตอนการปรึกษาญาติร่วมด้วย บางรายญาติเป็นฝ่ายเสนอเองด้วยก็มี แต่เราจะปรึกษาญาติอยู่เสมอ มันเป็นการเลือกกลาย ๆ แต่อิงตามหลักการแพทย์ และหลักมนุษยธรรม
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com + อ่านเพิ่มเติม