สุดช้ำ! ยายวัย 81 บริจาคที่ดิน 14 ล้านสร้างสำนักปฏิบัติธรรม สุดท้ายกลับโดนไล่ออกจากที่ดิน : ช็อตเด็ด ถกไม่เถียง

        จากกรณีที่แม่เฒ่าวัย 81 ชอบทำบุญปฏิบัติธรรม และเกิดความศรัทธาหลังได้ฟังเทศน์จากพระรูปหนึ่ง จึงได้บริจาคที่ดินมูลค่า 14 ล้านบาท และทรัพย์สินอีกมากมาย เพื่อใช้ในการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม โดยยังอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย แต่สุดท้ายกลับโดนพระไล่ออกจากที่ดิน

 

         คุณยายแหล่ม แม่เฒ่าวัย 81 ปี ร้องสื่อ ตนเองได้บริจาคที่ดินจำนวนกว่า 10 ไร่ มูลค่า 14 ล้านบาท และทรัพย์สินอีก 2 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างสถานปฏิบัติธรรมสวนวังแสงธรรม จ.สุโขทัย ซึ่งสถานปฏิบัติธรรมสวนวังแสงธรรมแห่งนี้ ปัจจุบันมีพระมหาร้อยธรรม เป็นเจ้าสำนัก โดย ยายแหล่ม เผยว่า ตนและญาติเป็นนักแสวงบุญ มักเดินทางไปปฏิบัติธรรมตามที่ต่างๆ และเมื่อ10 กว่าปีที่แล้ว ได้ฟังเทศน์จากพระมหาร้อยธรรมแล้วเกิดความศรัทธา จึงสร้างที่พักสงฆ์ ในที่ดินตัวเองเนื้อที่ 14 ไร่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีเศรษฐีร้านทองมาขอซื้อในราคา 14 ล้านบาท แต่ตนเองไม่ขายให้ เพราะต้องการเอาที่ดิน 4 ไร่ แบ่งให้น้องสาว และอีก 10 ไร่ที่เหลือจะนำไปสร้างสำนักปฏิบัติธรรม จึงนิมนต์มหาร้อยธรรม มาเป็นเจ้าสำนัก และได้ขายที่ดินส่วนอื่นได้เงินมาอีก 2 ล้าน และนำมาสร้างศาสนวัตถุต่างๆ ในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้  โดยตนเองยังอาศัยอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว  ต่อมามีผู้คนเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมมากขึ้น มีคนนำเงินมาทำบุญเป็นจำนวนมาก ตนเริ่มหมดความสำคัญ จึงถูกกดดัน และสั่งห้ามไม่ให้ทำกิจกรรมร่วมกับหมู่คณะ เวลาจะตักบาตรพระท่านไม่จะยอมเปิดฝาบาตรและไม่ยอมรับอาหารที่ถวาย ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าดื้อด้านไม่เชื่อฟังพระ และมีการลงโทษให้ดื่มน้ำมันมะกอก พอไม่ทำตามก็โดนดุด่าและขับไล่ไม่ให้อยู่ในที่ดินของสถานปฏิบัติธรรม ทั้งๆ ที่ที่ดินนี้ตนเองเป็นเจ้าของ ทำให้ตนเองรู้สึกผิดหวังและเสียศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงต้องการนำที่ดินผืนดังกล่าวกลับคืนมาแล้วบริจาคให้องค์กรที่ตนศรัทธาต่อไป และตอนนี้ทราบว่า ที่ดินตกเป็นทรัพย์สินของ มูลนิธิปฐพีพุทธ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ที่ตนเองบริจาคตั้งแต่แรก จึงต้องการให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความตั้งใจเดิม และขอให้พระมหาร้อยธรรม ออกไปอยู่ที่อื่น

 

         ฟาก พระมหาร้อยธรรม เผยว่า อาตมาอยากจะฝากคำพูดให้ได้ฉุกคิดและได้เตือนใจเอาไว้ ในเรื่องนี้นายอำเภอศรีสัชนาลัยได้เข้ามารับฟังข้อมูลทั้งสองฝั่งแล้ว ท่านได้ทำงานอย่างถูกต้องและยุติธรรมแล้ว ที่ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยเพื่อความสงบของสังคมที่มีความเดือดร้อนในขณะนี้ ทางเราเองจึงขอเป็นผู้นิ่งและสงบ โดยยึดหลักศีลธรรมและกฎหมาย จึงขอให้ท่านนายอำเภอเป็นผู้เข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น

 

         ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว และมีการสั่งการลงไปให้ติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ กฎหมายต้องแบ่งเป็นแพ่ง และพาณิชย์ พอมาเกี่ยวกับ พรบ.สงฆ์ ถ้ายกที่ดินให้กับวัดแล้ว แล้ววัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ถือว่าเป็นสมบัติของแผ่นดินไปเลย ไม่สามารถเอาคืนได้ ถ้าไม่ใช่วัดก็สามารถเอาคืนได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบเชิงลึก ยังไม่สามารถฟันธงได้  สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือยังเกิดความไม่เข้าใจกัน  ผมมองว่า ถ้าคุณยายและพระท่านยอมถอยคนละก้าว และเอาปัญหาขึ้นมาวางบนโต๊ะ ทางนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีได้ ถ้าสมมติเราไม่อยากคุย แล้วเดินหน้าสู้กัน เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ก็ต้องมีการไกล่เกลี่ย ไต่สวน สืบพยาน จนถึงการพิพากษา ถ้ากระบวนการทางกฎหมายมันเดิน ผมคิดว่าเหนื่อยทั้งคู่ โดยเบื้องต้น ทางกระทรวงยุติธรรม จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล และเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยด้วย ซึ่งอาจจะมีการให้นายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน

 

     ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com