ยายวัย 81 ทุกข์หนัก บริจาคที่ดินมูลค่า 14 ล้านบาท และทรัพย์สินอีกมากมาย เพื่อใช้ในการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม โดยยังอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย หลังสร้างเสร็จ กลับโดนเจ้าสำนักขับไล่ออกจากที่ดิน ฟาก พระมหาร้อยธรรม ขอนายอำเภอเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ด้าน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เล็งให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล
วันนี้ (1 ก.ค.2564) รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เปิดใจสัมภาษณ์ ยายแหล่ม อายุ 81 ปี ผู้ที่บริจาคที่ดินให้สร้างสำนักปฏิบัติธรรม , นายนิมิตร ปิ่นทอง อดีตครูเกษียณราชการ ชาวบ้านในพื้นที่ , นางแสงแข ชาญกาญจาภัค (เตี้ย) อดีตผู้เคยศรัทธาเจ้าอาวาส และ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ยายแหล่ม อายุ 81 ปี ผู้ที่บริจาคที่ดินให้สร้างสำนักปฏิบัติธรรม เล่าให้ฟังว่า ตนเองบริจาคที่ดินเพื่อสร้างสำนักปฏิบัติธรรมตั้งแต่ ปี 2547 เพราะไปเจอพระมหาร้อยธรรม ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เห็นท่านเทศน์ดีสอนดี เลยอยากให้ท่านมาสร้างสำนักปฏิบัติธรรมที่นี่ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ค่อยจะมีเงิน แต่มีที่ทาง แล้วด้วยที่ตนเองไม่ได้มีลูกหลาน ก็เลยคิดจะเอาที่ตรงนี้มาใช้เพื่อศาสนา จึงบริจาคที่ดิน 10 ไร่เพื่อสร้างสำนักปฏิบัติธรรม ต่อมามีผู้คนเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมมากขึ้น มีคนนำเงินมาทำบุญเป็นจำนวนมาก ตนเริ่มหมดความสำคัญ ก็ถูกเหน็บแนมมาตลอด จะให้ถวายที่ดินที่ติดถนนเพิ่มอีก ตนเองก็ปฏิเสธเพราะจะเก็บที่ดินตรงนี้เอาไว้ทำกิน เพราะเป็นที่ดินที่เก็บค่าเช่าเขาอยู่ ก็เกิดการกระทบกระทั่งกันเรื่อยมา ตั้งแต่ปี 2551 สร้างมาได้ 14 ปี ตนเองได้เข้าไปทำบุญแค่ 3 ปีเท่านั้น เขาว่าเราว่าเราดื้อด้าน ไม่ทำตามความต้องการของเขา เช่น เขาบอกว่าจะเอาที่ดินตรงนี้ไปปลูกมะพร้าว จะได้เก็บไปขาย ตนเองก็ไปถามเขาว่าตกลงนี่เป็นสถานปฏิบัติธรรมหรือสถานที่ค้าขายกันแน่ เขาจึงไม่พอใจ เวลาจะตักบาตรพระท่านไม่จะยอมเปิดฝาบาตรและไม่ยอมรับอาหารที่ถวาย และมีการลงโทษให้ดื่มน้ำมันมะกอก พอไม่ทำตามก็โดนดุด่าและขับไล่ไม่ให้อยู่ในที่ดินของสถานปฏิบัติธรรม ตอนนี้ก็เลยต้องย้ายออกมาอยู่ข้างนอก เพราะอยู่ที่เดิมก็กลัวอันตราย ที่ออกมาร้องเรียนนี่เพราะอยากได้ที่ดินคืน ไม่อยากยุ่งเกี่ยวแล้ว และตอนนี้ทราบว่า ที่ดินตกเป็นทรัพย์สินของ มูลนิธิปฐพีพุทธ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ที่ตนเองบริจาคตั้งแต่แรกที่ต้องการบริจาคให้สันติอโศก จึงต้องการให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความตั้งใจเดิม
นายนิมิตร ปิ่นทอง อดีตครูเกษียณราชการ ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ป้าแหล่มมาปรึกษาบ่อยมาก พี่น้องเขาก็ไม่ช่วยเหลือแล้ว มีแต่สมน้ำหน้า แล้วบอกว่าไปให้เขาทำไม ป้ามาปรึกษาผมบ่อยมาก ผมก็อยากจะช่วยเหลือ ผมอยากจะเข้าไปคุยมาก แต่เขาไม่ให้เข้าเลย เพราะบอกว่าเป็นบุคคลภายนอก ต้องผ่านเกณฑ์ของเขาก่อน เช่น มาทำบุญเยอะๆ ถึงจะให้เข้าพื้นที่ ผมพยายามหาทุกวิถีทางแต่ยังไม่ดีขึ้น เลยไปที่ศูนย์ดำรงธรรม จนเรื่องไปถึงสำนักพุทธ ครั้งแรกรับเรื่องไว้ แต่ก็เงียบไป พอไปครั้งที่ 2 เขาบอกว่าเป็นคนละนิกายกัน ไม่สามารถทำอะไรได้
นางแสงแข ชาญกาญจาภัค (เตี้ย) อดีตผู้เคยศรัทธาเจ้าอาวาส เผยว่า ตนเองเคยศรัทธาท่านมาก อยากได้อะไรก็หามาถวายให้ หลังๆ มาท่านอยากได้ไอโฟน ในประเทศไทยไม่มีก็ไปเสาะหามาให้ อยากได้โน้ตบุ๊ค แล้วก็อยากได้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล้วก็มาขอโทรทัศน์ ซื้อมาให้ก็บอกว่าไม่สวย อยากได้จอแบน ขนาดใหญ่เท่านี้ ท่านเอาแต่ขอไปเรื่อย ญาติโยมเองก็ไม่ได้มีทรัพย์สินขนาดนั้น ทำไมไม่คิดถึงคนที่ต้องหาเงินบ้างว่ามันยากลำบากขนาดไหน โยมเคยคิดจะถวายรถตู้ ด้วยความที่ศรัทธา แต่ก็ตัดสินใจไม่ได้ให้ เพราะกลัวจะเป็นเรื่องลำบากของสำนัก แต่ท่านก็มาแขวะอยู่เรื่อยว่าทำไมไม่ซื้อให้สักที คุณยายแหล่ม รอการพูดคุยมาหลาย 10 ปี โยมเคยเสนอแล้วให้พูดคุยกัน โยมก็บอกท่านแล้วว่า ถ้าไม่บีบกฎและข้อกำหนดกับคนอายุ 80 กว่าได้ไหม มาเดินทางสายกลางกันดีรึเปล่า ทางเราไม่มีปัญหาว่าใครจะเป็นคนกลาง เพราะเราศรัทธาในพุทธศาสนาอยู่แล้ว แต่อยากให้ท่านพูดภาษาเหมือนคนทั่วไป อย่าใช้ภาษาทางพุทธมาก โยมที่เป็นคนธรรมดาเขาไม่เข้าใจ จริง ๆ ทางโยมพร้อมจบเสมอ เพราะเราอยากจะปฏิบัติธรรม
ทางรายการถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยัง พระมหาร้อยธรรม เจ้าสำนักสวนวังแสงธรรม เพื่อสอบถามถึงประเด็นนี้ โดยท่านเผยว่า อาตมาอยากจะฝากคำพูดให้ได้ฉุกคิดและได้เตือนใจเอาไว้ ในเรื่องนี้นายอำเภอศรีสัชนาลัยได้เข้ามารับฟังข้อมูลทั้งสองฝั่งแล้ว ท่านได้ทำงานอย่างถูกต้องและยุติธรรมแล้ว ที่ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยเพื่อความสงบของสังคมที่มีความเดือดร้อนในขณะนี้ ทางเราเองจึงขอเป็นผู้นิ่งและสงบ โดยยึดหลักศีลธรรมและกฎหมาย จึงขอให้ท่านนายอำเภอเป็นผู้เข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว และมีการสั่งการลงไปให้ติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ กฎหมายต้องแบ่งเป็นแพ่ง และพาณิชย์ พอมาเกี่ยวกับ พรบ.สงฆ์ ถ้ายกที่ดินให้กับวัดแล้ว แล้ววัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ถือว่าเป็นสมบัติของแผ่นดินไปเลย ไม่สามารถเอาคืนได้ ถ้าไม่ใช่วัดก็สามารถเอาคืนได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบเชิงลึก ยังไม่สามารถฟันธงได้ สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือยังเกิดความไม่เข้าใจกัน สงครามยังจบกันได้ที่การเจรจา ผมมองว่า ถ้าคุณยายและพระท่านยอมถอยคนละก้าว และเอาปัญหาขึ้นมาวางบนโต๊ะ ทางนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีได้ ถ้าสมมติเราไม่อยากคุย แล้วเดินหน้าสู้กัน เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ก็ต้องมีการไกล่เกลี่ย ไต่สวน สืบพยาน จนถึงการพิพากษา ถ้ากระบวนการทางกฎหมายมันเดิน ผมคิดว่าเหนื่อยทั้งคู่ โดยเบื้องต้น ทางกระทรวงยุติธรรม จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล และร่วมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยด้วย ซึ่งอาจจะมีการให้นายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมด้วยเช่นกัน
สรุปผลโพล สำนักปฏิบัติธรรม ควรคืนที่ดินให้กับยายหรือไม่?
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com + อ่านเพิ่มเติม