จากกรณีโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวงจรปิด ชายคนหนึ่งถูกบุกกระทืบถึงบ้าน ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน โดยฝ่ายที่มาทำร้ายอ้างเป็นเจ้าของบ้านคนเก่า ต้องการมาทวงบ้านคืน ก่อนจะมีปากเสียงกัน และโดนรุมทำร้าย ก่อนจะขับรถหนีไป หลังเกิดเหตุไปแจ้งความ นักข่าวตามทำข่าวกลับโดนคนอ้างเป็นเสธ.โทรข่มขู่
วันที่ 30 มิ.ย.64 นายวรวิทย์ เศรษฐเดช หรือเบิร์ด ผู้เสียหายเหตุซื้อบ้านแล้วถูกเจ้าของเก่าทวงคืน เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า บ้านหลังที่เป็นปัญหาตนเองได้ซื้อเอาไว้เมื่อปี 2562 ด้วยราคา 2.3 ล้านบาท จากอดีตเจ้าของบ้าน จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2563 มีการผ่อนจ่ายกับธนาคาร ผ่านทางนายหน้า ซึ่งตอนที่นายเบิร์ดตัดสินใจซื้อบ้านหลังดังกล่าว เป็นเพราะว่าอดีตเจ้าของบ้านไม่สามารถผ่อนจ่ายกับทางธนาคารต่อได้ และมีการประกาศขายผ่านนายหน้า จึงได้มีการซื้อเอาไว้เพราะตนเองมีบ้านอยู่แล้วหลังนึงซึ่งอยู่ติดกัน เมื่อซื้อหลังนี้ก็เป็นการขยายพื้นที่อยู่อาศัยให้กว้างขึ้น เป็นบ้านติดกัน 2 หลัง จากนั้นก็ได้มีการทำสัญญาซื้อขายซึ่งถูกต้อง มีการผ่อนจ่ายจำนวน 12 งวด งวดละ 10,000 บาท แล้วยังมีค่าดำเนินการอีก 12,000บาท และมีค่าเงินดาวน์ก่อนเข้าอยู่อาศัยอีกจำนวน 23,000 บาท รวมแล้วมีการซื้อขายบ้านหลังดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 155,000 บาท
และช่วงปี 2563 นางสาวอี้ได้ติดต่อมาหานายบิร์ด เพื่อขอบ้านคืน เนื่องจากอ้างว่าไม่มีบ้านอยู่อาศัย นายเบิร์ดจึงได้ตัดสินใจว่าจะคืนบ้านให้ แต่ได้มีการตกลงกันอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีการจ่ายเงินที่ผ่อนจ่ายไปก่อนหน้านี้คืนให้กับตนเอง ด้านของอดีตเจ้าของบ้านก็ไม่มีเงินมาจ่าย ทั้งที่ตัวเองก็ให้กุญแจและให้สิทธิ์การครอบครอง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการคืนเงิน จนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 64 ตนเองอาศัยอยู่ที่บ้าน เป็นบ้านของตัวเองที่ซื้อเอาไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อ โดยมีผู้ชาย 3 คน ทำทีเข้ามาสอบถาม มาอ้างว่าเขาซื้อบ้านหลังนี้แล้ว เราก็เลยขอดูสัญญาซื้อขาย แต่เขาไม่ยอมเอามาให้ดู แต่เรียกเราไปที่รถแทน แล้วก็ถูกรุมทำร้ายตามคลิปที่เห็น ถูกเตะบริเวณหน้าอกเป็นรอยช้ำเขียว ริมฝีปากซ้ายแตก และฟันโยก หลังจากที่ถูกทำร้ายร่างกายก็ได้แจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ที่โรงพักเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมได้มีการตรวจร่างกายเอาไว้แล้ว
ด้าน น.ส.นฤมล ทองเดิม หรือ แตงโม อดีตเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านเก่า เล่าวีรกรรมของเจ้าของบ้านคนเก่าว่า เมื่อมี 2560 ตนเองไปช่วยค้ำประกันรถให้เขามูลค่า 1.4 ล้านบาท เพราะเขามาขอร้อง แต่เขาชำระบ้างไม่ชำระบ้าง ไฟแนนซ์ก็ติดต่อมา เราก็บอกเขาว่าให้ไปยึดรถเลย แล้วเรามารู้ว่าเขาเข้าบ่อน รถก็นำไปจำนำ ทำให้เราโดนไฟแนนซ์ฟ้อง 450,000 บาท เราต้องรับผิดชอบเงินก้อนนี้ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเราเลย สุดท้ายก็ได้ไปเจอชายที่อ้างว่าเป็น เสธ.เอ้ เขามาไกล่เกลี่ยบอกจะชดใช้ให้ แต่ก็ไม่ได้ชดใช้จริง แถมยังมีการข่มขู่เราด้วย
หลังจากเรื่องนี้ปรากฎเป็นข่าวขึ้น ณัฐวุฒิ ปงลังกา ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวชื่อดังซึ่งลงไปทำข่าวในพื้นที่ ได้ถูกชายคนหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นคนมีสีในพื้นที่ ชื่อเสธ.เอ้เป็นลุงของชายที่ไปกระทืบ โทรมาข่มขู่ ห้ามทำข่าวนี้ ขอให้จบเรื่องนี้ ก่อนจะวางสายไป ซึ่ง เสธ.เอ้ มีการพูดถึงหน่วยงานๆ นึง คือ ดีเอสไอ เราก็ไปสืบว่าคนที่อ้างตัวว่าเป็นเสธ.เอ้ เคยทำงานที่นั่นจริงไหม ก็พบว่าเคยทำงานที่นั่นจริง แต่ออกจากราชการไปแล้ว เนื่องจากถูกร้องเรียนจากประชาชนเรื่องการทุจริต
ครั้งสุดท้าย เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.64) หลังจากมีการออกอากาศเรื่องนี้ไป ก็ยังมีการโทรเข้ามายังสถานีเพื่อให้ลบคลิปออกจาก YouTube แต่คลิปดังกล่าวที่เขาให้ลบนั้นไม่เกี่ยวกับสำนักข่าวของผมเลย ผมเลยบอกไปว่าไม่สามารถลบได้ ต่อจากนี้ ผมยังยืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่สื่อต่อไปครับ
ฟาก พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เผยความคืบหน้าคดี เบื้องต้นทราบตัวผู้ต้องหาแล้ว อยู่ระหว่างออกหมายเรียก ถ้าออกหมายเรียกแล้วไม่มา ก็จะออกหมายจับต่อไป ส่วนเรื่องของ เสธ.เอ้ ที่อ้างว่ารู้จักกับตนนั้น น่าจะเป็นอดีตทหารอากาศ แล้วย้ายไปอยู่ ดีเอสไอ ส่วนตัวเคยเจอเมื่อ 10 กว่าปีแล้ว เป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน หากผู้เสียหายกังวลเรื่องความปลอดภัย ก็สามารถมาแจ้งความได้ เรื่องคดี ต้องแยกออกจากกัน อย่างแรกคือคดีของคุณวรวิทย์ อีกเรื่องคือคลิปเสียง ซึ่งในคดีแรกเรารู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว
สำหรับเรื่องคลิปเสียง เกิดขึ้นจากการที่นักข่าวโทรไปหาคุณอี้ แล้ว เสธ.เอ้ ก็โทรกลับมา เป็นประเด็นที่ 2 ซึ่งการสืบหาว่า เสธ.เอ้ เกี่ยวข้องกับคดีของคุณวรวิทย์ไหม ก็ต้องเรียกตัว เสธ.เอ้ มาสอบสวน ส่วนในคลิปนั้นจะมีความผิดอะไรบ้าง ต้องมีการสืบสวนต่อไป แต่ถ้าทำให้นักข่าวเกิดความหวาดกลัวก็สามารถเข้ามาแจ้งความได้
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เผยว่า เสธ.เอ้ เคยทำงานที่ ดีเอสไอ จริง แต่ประพฤติตนไม่ดี ผิดวินัยร้ายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน จนถูกให้ออกจากราชการ หากใครที่ถูกเสธ.เอ้ คนนี้ข่มขู่ คุกคาม ให้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้านได้เลย
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com + อ่านเพิ่มเติม