แบบนี้ก็มีด้วย วันดีคืนดีก็มีคนบุกมาทำร้ายถึงบ้าน อ้างเป็นพวกของเจ้าของบ้านคนเก่า มาทวงบ้านที่ขายไปแล้วคืน ก่อนเกิดปากเสียงกันและถูกรุมสกรัมในที่สุด พอไปแจ้งความ มีสื่อมาทำข่าว กลับมีชายอ้างเป็นเสธ.โทรมาข่มขู่สื่อให้เลิกทำข่าว
วันนี้ (30 มิ.ย.2564) รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เปิดใจสัมภาษณ์ นายวรวิทย์ เศรษฐเดช (เบิร์ด) ผู้เสียหายเหตุซื้อบ้านแล้วถูกเจ้าของเก่าทวงคืน และ น.ส.นฤมล ทองเดิม (แตงโม) เพื่อนสนิทเจ้าของบ้านเก่า พร้อมด้วยทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ทนายความ ชื่อดัง
นายวรวิทย์ เศรษฐเดช หรือ เบิร์ด ผู้เสียหายเหตุซื้อบ้านแล้วถูกเจ้าของเก่าทวงคืน เล่าว่า จุดเริ่มต้น คือมีนายหน้ามาเสนอขายบ้านหลังนี้ในราคา 2.3 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของเดิมผ่อนไม่ไหว โดยมีการทำสัญญาซื้อขายถูกต้อง มีการผ่อนจ่ายจำนวน 12 งวด งวดละ 10,000 บาท ซึ่งในการพูดคุยไม่เคยเจอตัวเจ้าของบ้าน จะเป็นการติดต่อผ่านนายหน้าอย่างเดียว ซึ่งก็มีการผ่อนไปได้ 1 ปี ก็มีการติดต่อมาขอบ้านคืน เพราะเจ้าของบ้านคนเก่าไม่มีที่อยู่อาศัย เราก็ตัดสินใจจะคืนให้ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องคืนเงินที่ผ่อนไปแล้วมาให้ก่อน ถึงจะเซ็นยกเลิกสัญญาให้ ซึ่งเขาไม่เคยคืนเงินกลับมาเลย เราไม่เคยคุยกับเจ้าของบ้านคนเก่าเลย จะคุยผ่านนายหน้าตลอด เงินก็จ่ายผ่านนายหน้า ซึ่งก็มีหลักฐานส่งให้เจ้าของบ้านตลอด แต่เขาเอาเงินไปจ่ายธนาคารรึเปล่าไม่รู้ เขาก็พยายามพาคนโน้นคนนี้มาซื้อบ้าน ปล่อยเช่าบ้าง แต่เรามีสัญญาอยู่ ก็เลยไม่มีใครกล้าซื้อ ส่วนวันที่เกิดเรื่อง วันนั้นมีผู้ชาย 3 คน มาอ้างว่าเขาซื้อบ้านหลังนี้แล้ว เราก็เลยขอดูสัญญาซื้อขาย แต่เขาไม่ยอมเอามาให้ดู แต่เรียกเราไปที่รถแทน แล้วก็ถูกรุมทำร้ายตามคลิปที่เห็น เราก็ถามว่าทำเราทำไม ทางนั้นก็ถามกลับมาว่าเก๋าเหรอ แถมท้าให้ไปแจ้งความ เราก็เลยไปแจ้งความ ตอนนี้ตำรวจออกหมายเรียกแล้ว
ด้าน น.ส.นฤมล ทองเดิม หรือ แตงโม อดีตเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านเก่า เล่าวีรกรรมของเจ้าของบ้านคนเก่าว่า เมื่อมี 2560 ตนเองไปช่วยค้ำประกันรถให้เขามูลค่า 1.4 ล้านบาท เพราะเขามาขอร้อง แต่เขาชำระบ้างไม่ชำระบ้าง ไฟแนนซ์ก็ติดต่อมา เราก็บอกเขาว่าให้ไปยึดรถเลย แล้วเรามารู้ว่าเขาเข้าบ่อน รถก็นำไปจำนำ ทำให้เราโดนไฟแนนซ์ฟ้อง 450,000 บาท เราต้องรับผิดชอบเงินก้อนนี้ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเราเลย สุดท้ายก็ได้ไปเจอชายที่อ้างว่าเป็น เสธ.เอ้ เขามาไกล่เกลี่ยบอกจะชดใช้ให้ แต่ก็ไม่ได้ชดใช้จริง แถมยังมีการข่มขู่เราด้วย ตอนนี้ต้องการความเป็นธรรม ให้ผู้หญิงคนนี้ออกมาขอโทษ ไหว้สวยรวยกระเช้าก็เอา อยากเจอหน้ามาก อยากเจอหน้าสวยๆ ของอี้ พร้อมที่จะให้อภัย ถือซะว่าทำบุญครั้งใหญ่ไปแล้ว แต่คงไม่คบต่อแล้ว และถ้าจะมีใครมาขอให้ค้ำอีกก็คงไม่แล้ว เข็ดแล้ว
ฟาก ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต เผยว่า กรณีนี้ สัญญาสามารถซื้อขายได้ แต่ผ่อนในนามเดิม ดังนั้นสิทธิครอบครองจะอยู่ที่คุณเบิร์ด แต่กรรมสิทธิ์อยู่ที่เจ้าของเดิม โดยเจ้าของเดิมจะกลับมาได้ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขของคุณเบิร์ดที่ต้องชดใช้เงินทั้งหมดให้ก่อน ฉะนั้น การจะนำคนอื่นเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ทำไม่ได้ ส่วนเรื่องคลิป เสธ.เอ้ เท่าที่ฟังดูเหมือนเขาแนะนำตัวทั่วไป ยังไม่มีข้อความไหนที่บอกว่าจะขู่ทำร้าย หรือทำให้เสียชื่อเสียง เหมือนเขามาบอกว่าเขาเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับสองคนนี้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดว่า ถ้าไม่หยุดทำจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าจะผิดก็คือ การข่มขู่คุกคาม ทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ถ้าเกิดเขาไปพูดว่า ถ้าคุณไม่หยุด มันจะเกิดอันตราย อันนี้มีความผิดที่โทษหนักกว่าการข่มขู่คุกคามธรรมดา ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการลหุโทษก็ได้
ทางรายการ ถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยัง นายณัฐวุฒิ ปงลังกา ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวชื่อดังที่ถูกข่มขู่ โดย นายณัฐวุฒิ เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผมทำหน้าที่ ผมก็ต้องสัมภาษณ์ทุกฝ่าย แต่ในจังหวะที่ผมโทรไป ยอมรับว่ามีคนๆ หนึ่งรับสาย ปฏิเสธว่าไม่ใช่นายเอ็ม หรือนางสาวอี้ เจ้าของบ้านคนเก่า ผมก็วางสายไป แต่จู่ๆ ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามา บอกว่าขอให้หยุดทำข่าวนี้ ผมคือ เสธ.เอ้ ซึ่งผมไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร เขาก็บอกว่าให้ไปสืบได้เลย ผมเป็นญาติกับคนที่คุณกำลังทำข่าวอยู่ ซึ่ง เสธ.เอ้ มีการพูดถึงหน่วยงานๆ นึง คือ ดีเอสไอ เราก็ไปสืบว่าคนที่อ้างตัวว่าเป็นเสธ.เอ้ เคยทำงานที่นั่นจริงไหม ก็พบว่าเคยทำงานที่นั่นจริง แต่ออกจากราชการไปแล้ว เนื่องจากถูกร้องเรียนจากประชาชนเรื่องการทุจริต
ครั้งสุดท้าย เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.64) หลังจากมีการออกอากาศเรื่องนี้ไป ก็ยังมีการโทรเข้ามายังสถานีเพื่อให้ลบคลิปออกจาก YouTube แต่คลิปดังกล่าวที่เขาให้ลบนั้นไม่เกี่ยวกับสำนักข่าวของผมเลย ผมเลยบอกไปว่าไม่สามารถลบได้ ต่อจากนี้ ผมยังยืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่สื่อต่อไปครับ
ฟาก พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เผยความคืบหน้าคดี เบื้องต้นทราบตัวผู้ต้องหาแล้ว อยู่ระหว่างออกหมายเรียก ถ้าออกหมายเรียกแล้วไม่มา ก็จะออกหมายจับต่อไป ส่วนเรื่องของ เสธ.เอ้ ที่อ้างว่ารู้จักกับตนนั้น น่าจะเป็นอดีตทหารอากาศ แล้วย้ายไปอยู่ ดีเอสไอ ส่วนตัวเคยเจอเมื่อ 10 กว่าปีแล้ว เป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน หากผู้เสียหายกังวลเรื่องความปลอดภัย ก็สามารถมาแจ้งความได้ เรื่องคดี ต้องแยกออกจากกัน อย่างแรกคือคดีของคุณวรวิทย์ อีกเรื่องคือคลิปเสียง ซึ่งในคดีแรกเรารู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว
สำหรับเรื่องคลิปเสียง เกิดขึ้นจากการที่นักข่าวโทรไปหาคุณอี้ แล้ว เสธ.เอ้ ก็โทรกลับมา เป็นประเด็นที่ 2 ซึ่งการสืบหาว่า เสธ.เอ้ เกี่ยวข้องกับคดีของคุณวรวิทย์ไหม ก็ต้องเรียกตัว เสธ.เอ้ มาสอบสวน ส่วนในคลิปนั้นจะมีความผิดอะไรบ้าง ต้องมีการสืบสวนต่อไป แต่ถ้าทำให้นักข่าวเกิดความหวาดกลัวก็สามารถเข้ามาแจ้งความได้
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ เผยว่า เสธ.เอ้ เคยทำงานที่ ดีเอสไอ จริง แต่ประพฤติตนไม่ดี ผิดวินัยร้ายแรง จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน จนถูกให้ออกจากราชการ หากใครที่ถูกเสธ.เอ้ คนนี้ข่มขู่ คุกคาม ให้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้านได้เลย
สรุปผลโพล ถ้าคุณถูกผู้มีอำนาจข่มขู่ คุณจะ?
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com