จากกรณีการเสียชีวิตของหนุ่มวัย 22 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดี เกี่ยวกับอาวุธปืน ในเรือนจำที่จังหวัดตรัง ยังเป็นปริศนาว่าเสียชีวิตได้อย่างไร เพราะผู้ตายกำลังจะได้รับการพักโทษอีกเพียง 1 เดือน แต่กลับมาเสียชีวิตก่อน อีกทั้งยังติดใจ เรื่องการจับกุมที่มีพิรุธ ที่ผ่านมาร้องขอความเป็นธรรมมาตลอดเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะเชื่อว่าผู้ตายไม่ผิด
วันที่ 22 มิ.ย. 64 ไชยยันต์ รัตนะ และ ปิยะวรรณ รัตนะ น้าของผู้เสียชีวิต ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD ถึงประเด็นการเสียชีวิตของ นายกฤษดา มลยง หรือ หมอก อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.อาวุธปืน ที่ได้เสียชีวิตอย่างปริศนาภายในเรือนจำ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยครอบครัวยังคลางแคลงใจสาเหตุเสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่าผู้ตายมีอาการ อาเจียน ชักเกร็ง ก่อนช็อกหมดสติ ขณะนั่งอยู่ใต้อาคารสูทกรรม หลังกินข้าวเที่ยง ก่อนจะถูกหามมาที่แดนพยาบาล โดยญาติๆ รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลตรัง แต่นายหมอก ได้เสียชีวิตแล้ว แพทย์ที่โรงพบาบาลแจ้งว่า นายหมอก เสียชีวิตมาจากเรือนจำแล้ว จึงสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุของการเสียชีวิต ก่อนจะนำร่างส่งไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิต และ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย จึงอยากเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบ และออกมาชี้แจง
และอีกประเด็นที่ครอบครัวสงสัย และยังติดใจจนทุกวันนี้ คือ เรื่องการจับกุมในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน เอ็ม 16 ซึ่งทางญาติเชื่อว่า นายหมอก ไม่ผิด เพราะตอนโดนจับอายุเพียงแค่ 19 ปี คงไม่สามารถนำอาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 มาครอบครองได้ แต่ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุมีฉี่ม่วงจริง มีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจริง โดยในสำนวนการจับกุม มีนายเจ (นามสมมุติ) ได้โทรหาหมอก ให้ช่วยไปซื้อนมผงเป็นเพื่อน หมอกจึงนั่งรถไปเป็นเพื่อนเพราะทั้ง 2 เป็นเพื่อนสนิท หลังจากนั้นนายเจ ได้ติดต่อกับนายสอง ซึ่งถูกจับในคดียาเสพติด ถูกกักตัวอยู่ในเซฟเฮ้าส์ของตำรวจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของหมอก ได้โทรศัพท์มาหานายเจ ให้ช่วยไปเอาเหล็กให้หน่อย พิงอยู่ใต้เสาไฟฟ้า ในซอยเทศบาล ติดกับคลองหินขวาง ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน ทำให้นายเจ และหมอกขี่รถจักรยานยนต์ไปกัน 2 คน เมื่อไปถึงก็พบวัตถุห่ออยู่ในถุงดำ นายเจจึงหยิบและวางไว้บนตักหมอก ก่อนจะขับรถออกไป แต่หลังจากนั้นมีตำรวจซุ่มอยู่เข้ามาจับกุมทันที ก่อนที่พนักงานสอบสวน สภ.หาดสำราญ จะดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน
โดยญาติตั้งข้อสังเกตว่าปืนกระบอกนี้เป็นปืนตราโล่ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมั่นใจว่าปืนไม่ใช่ของหมอกแน่นอน จึงร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้นำปืนมาตรวจสอบ ว่าอาวุธปืนราชการดังกล่าวเบิกมาจากไหน ใครเป็นคนเบิก หรือมีการแจ้งหายหรือไม่ แต่เรื่องกลับเงียบหายไป ซึ่งคดีนี้ศาลตัดสินจำคุก 8 ปี 10 เดือน และศาลอุทธรณ์ได้ลดโทษเหลือ 1 ปี 11 เดือน โดยหมอกจำคุกไปได้ 4 เดือนทางเรือนจำเห็นว่ามีคุณสมบัติในการพักโทษ ซึ่งเหลืออีก 40 วันจะได้รับการปล่อยตัว และ 2 วันหลังจากที่ทำเรื่องพักโทษ เขากลับเสียชีวิตในเรือนจำ จึงเป็นประเด็นที่ทำให้ญาติสงสัย และเรียกร้องให้ ทางตำรวจชุดจับกุมต้องออกมาพูดความเป็นจริง อย่าให้เด็กคนหนึ่งต้องตายไปแบบนี้ และเชื่อว่าการถูกจับครั้งนี้เป็นละครที่ตำรวจสร้างขึ้นมา
พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผู้กำกับการ สภ.ปะเหลียน ให้ข้อมูลของคดีนี้ว่า หลังจากมีการจับกุมเรื่องยาเสพติด เจ้าหน้าที่พนักงาน ปปส. ก็ขยายผลจากผู้ต้องหาในคดียาเสพติด จนเป็นที่มาของการจับกุม พ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งปืนกระบอกดังกล่าว หลังจากจับกุมแล้ว ก็นำส่งตรวจพิสูจน์หลักฐาน ทางนั้นได้ตอบกลับมาว่า ปืนได้รับการปลดล็อกแก้ไข ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีเลขทะเบียนอะไร และไม่ยืนยันได้ว่าเป็นของหน่วยงานไหน ซึ่งปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติด มักจะมีอาวุธปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นี่จึงเป็นการขยายผลจากการจับคดียาเสพติด โดยเจ้าพนักงานชุดจับกุมเป็นเจ้าพนักงาน ปปส. ที่ได้รับการแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมาย โดยอาศัยข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีอำนาจในการควบคุมตัวผู้ถูกจับไว้ทำการสอบสวนได้ไม่เกิน 3 วัน โดยไม่ต้องแจ้งทางครอบครัวผู้ถูกจับกุม
ทางด้าน นายวรพงษ์ น้อยสุขเสริม เลขานุการกรมราชทัณฑ์ เผยความคืบหน้าถึงการสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของหมอกว่า ทางกรมราชทัณฑ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบในพื้นที่แล้ว ใช้เวลาไม่เกิน 7 วันก็จะได้รับความชัดเจนมากขึ้น ตอนนี้ทางเรือนจำก็ได้ประสานงานกับโรงพยาบาล เพื่อทำการส่งศพไปผ่าชันสูตรอีกครั้งแล้ว ซึ่งหลังจากหมอกเสียชีวิต ทางโรงพยาบาลได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นคือ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
ฟาก นายวรวิทย์ นพรัตน์ ทนายความในชั้นอุทธรณ์ เผยความคืบหน้าคดีของหมอก ว่าคดีนี้ปัจจุบันศาลมีคำพิพากษา และคดีถึงที่สุดไปแล้ว เพราะฉะนั้นมันจบโดยผลของคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อย ญาติพี่น้องอาจจะยังติดใจสงสัยอยู่ แต่ก็ต้องเคารพคำพิพากษาของศาล ในส่วนของอาวุธปืนของกลาง เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ ที่ต้องสืบหาว่าที่มาของอาวุธปืนเป็นอย่างไร เป็นของใครก่อนที่จะมาอยู่ในมือหมอกได้อย่างไร ส่วนการเสียชีวิตของน้องหมอก เป็นการเสียชีวิตในขณะที่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าพนักงานของรัฐ กระบวนการตามกฎหมาย จะต้องมีการชันสูตรหาสาเหตุการตาย แล้วจะต้องมีการไต่สวนของศาลหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ถ้าผลการไต่สวนออกมาว่ามีคนทำให้ตาย ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปสืบหาผู้ที่ทำให้ตายต่อไป
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com + อ่านเพิ่มเติม