ผู้รับเหมาแสบตระเวนหลอกสร้างบ้าน เหยื่อสูญเงินนับล้าน! ตร.ไม่รับแจ้งความอ้างเป็นคดีแพ่ง

          ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งจับผู้รับเหมาสุดแสบ หลังจ้างให้สร้างบ้านแต่สร้างยังไม่ทันเสร็จ กลับทิ้งงานเชิดเงินหนี สูญเงินรวมกันเกือบ 2 ล้านบาท วอน ตร.เร่งติดตามจับตัว​ หวั่นไปหลอกคนอื่นซ้ำอีก​

 

          วันนี้ (16 มิ.ย.2564) รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เปิดใจสัมภาษณ์ สมควร ประชิดครบุรี , ทัศนีย์ วิชาดี และ  โกวิทย์ จักรสาร ผู้เสียหายที่ถูกผู้รับเหมาโกง พร้อมด้วย ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ

 

 

           ทัศนีย์ วิชาดี และ  โกวิทย์ จักรสาร ผู้เสียหายที่ถูกผู้รับเหมาโกง เล่าให้ฟังว่า ไม่ได้รู้จักกับผู้รับเหมาคนนี้เป็นการส่วนตัว เขาแอบอ้างว่าสร้างบ้านอยู่ข้าง ๆ อีกหลังหนึ่ง เราดูสภาพบ้านแล้วน่าเชื่อถือ เลยจ้างเขาสร้างบ้านของเราต่อเลย ครั้งแรกตกลงราคากันไว้ที่ 1.3 ล้านบาท แต่เรายังไม่ตกลง เขาเลยลดให้เหลือ 1.1 ล้านบาท แล้วให้เซ็นสัญญาเลย ตอนนั้นเราก็ยังไม่ตกลง สองจิตสองใจว่าจะตกลงดีไหม ทีแรกก็แบ่งรับแบ่งสู้ พอเขาเสนอราคามาว่า จาก 1.3 ล้าน เป็น 1.1 ล้าน เราก็ตกใจ มีเจ้าอื่นเสนอมาที่ 1.7 ล้าน  เขาก็เอาเสาเข็มมาวางหน้าบ้านเลย พอเห็นเขาเอาเสาเข็มมาวางไว้ เราก็เลยตามเลย เขาดูน่าเชื่อถือด้วย ในเฟซบุ๊คก็มีการโพสต์ภาพการสร้างบ้านที่นั่นที่นี่ ตอนนั้นสองจิตสองใจว่าจะเซ็นสัญญาไหม แต่ผู้รับเหมาเอาเสาเข็มมาวางไว้หน้าบ้าน ก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญาวันนั้นเลย โดยมีการจ่ายเงินงวดแรก 165,000 บาท เราเองก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจด้านการก่อสร้าง เขาบอกว่าสร้างแบบคานคอดิน แต่ออกมาแล้วไม่ตรงกับที่เราคิด เราก็คิดว่าเขาน่าจะมีความรู้มากกว่าเรา เขามาเบิกงวดที่ 2 เพื่อที่จะทำแผ่นพื้นให้กับบ้านของเรา แต่เราก็ไม่เห็นว่าจะมีแผ่นพื้นมา หลังจากนั้นก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย เขาไม่มาหน้างานเลย ไม่สนใจคุมก่อสร้างอีก คนงานที่ก่อสร้าง เป็นคนให้พื้นที่ ตอนที่เขาหนีหาย คนงานพวกนั้นก็ไม่ได้รับค่าจ้าง แรก ๆ ติดต่อได้ แต่หลัง ๆ ติดต่อไม่ได้ เขาหายไปเลย หลังจากนั้นเราก็ไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้เฉยๆ เพื่อป้องกันตัวเอง เพราะเขาไปอ้างว่าเจ้าของบ้านจะเป็นคนจ่ายค่าไม้ที่เอามาสร้างบ้าน ซึ่งเราให้เงินเขาไปทั้งหมดแล้ว เราไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ 

 

 

        สมควร ประชิดครบุรี ผู้เสียหายอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า พี่สาวของแฟนเป็นผู้ว่าจ้าง โดยเห็นจากในเฟซบุ๊ค ให้มาทำโรงรถในราคา 2.3 แสนบาท ตอนแรกเขาก็ทำขึ้นโครงหลังคาได้ แต่วัสดุไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกันเอาไว้ ตอนแรกผมก็ยังไม่จ้างเขาหรอก แต่เขาเร่งรัดว่า จะทำก็รีบทำเถอะ เขามาคุยหลายครั้ง อยากจะสร้างบ้านต่อ แต่ผมขอให้สร้างโรงรถให้เสร็จก่อน เราตั้งใจจะให้เขาสร้างบ้านราคา 8 แสนบาท แต่เขาเสนอมา 6 แสนกว่าบาท ผมก็ไปคุยกับแฟน เขาก็พาลูกน้องมาทำแคมป์คนงานเลย แล้วบอกว่าเซ็นสัญญาทีหลังก็ได้ จ่ายไปงวดแรก 1.5 แสนบาท เขาก็เริ่มงานขุดหลุม ตั้งตอม่อ แล้วก็เบิกอีกงวด 1.5 แสนบาท เพื่อตั้งเสา มุงหลังคา แล้วมาขอเบิกอีก 1.5 แสนบาท แต่ตอนนั้นผมมีแค่ 1.4 แสนบาท ก็เลยให้เขาไปก่อน หลังจากนั้นพยายามติดต่อเขาก็เริ่มติดต่อไม่ได้แล้ว อ้างนู่นอ้างนี่ หลังจากนั้นจึงไปแจ้งความ แต่ ตำรวจบอกเป็นคดีแพ่ง ให้ลงบันทึกประจำวันแล้วไปร้องคดีต่อศาลเอา เงินที่เอามาสร้างบ้านก็ไปกู้มาจาก ธกส. เพื่อเอามาสร้างบ้านหลังแรก

 

 

         ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ เผยถึงกรณีนี้ว่า ตามปกติการว่าจ้างทั่ว ๆ ไปสามารถฟ้องร้องได้ แต่ถ้าจะเป็นทางอาญานั้นจะต้องดูพฤติการณ์ ว่ามีการทำงานไม่ตรงกับที่โฆษณาหรือไม่ คดีมันอาจจะเริ่มต้นขึ้นจากการเป็นคดีแพ่งก็จริง แต่ถ้าไปอธิบายตำรวจว่ามันมีการฉ้อโกงเป็นส่วนๆ รูปแบบเป็นยังไง ผมว่าตำรวจจะรับแจ้งความแน่นอน เมื่อข้อเท็จจริงแยกเป็นส่วนๆ ในเคสของคุณสมควร ผมคิดว่าเขาตั้งใจจะหลอกตั้งแต่แรก เพราะการเขียนแบบมันไม่ควรจะมีแค่นี้ การโฆษณาแอบอ้างสรรพคุณต่าง ๆ แล้วมีการเปลี่ยนเฟซบุ๊ค สามารถไปแจ้งพนักงานสอบสวนได้เลย เพราะมันเข้าข่ายการหลอกลวง ความเห็นผม อยากให้ผู้เสียหายรวมตัวกันแจ้งความ ให้พนักงานสอบสวน เล่ารายละเอียดให้ชัดเจน เล่าให้เห็นเป็นส่วน ๆ ว่าที่มันไม่ใช่การว่าจ้างทำงานแบบปกติ ตามความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าสามารถแจ้งความเป็นคดีอาญาได้ครับ ถึงแม้ว่า แย่ที่สุดแล้ว พนักงานสอบสวนก็สามารถเรียกผู้ต้องสงสัยเข้ามาไกล่เกลี่ยได้ ผมวิงวอนอยากให้พนักงานสอบสวนรับเรื่องแจ้งความของประชาชนก่อน ในส่วนของคดีแพ่งสามารถฟ้องได้อยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถเพิ่มค่าส่วนต่าง หรือค่าเสียเวลาอื่น ๆ เข้าไปได้ สิ่งที่ผมอยากจะบอกไว้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริง ๆ สิ่งที่มันเกิดไปแล้วมันก็ไปแก้อะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือ ไปแจ้งกับพนักงานสอบสวนถึงรายละเอียดทุกอย่าง ทุกขั้นตอนให้ชัดเจน เล่าไปได้เลย พนักงานสอบสวนจะได้เห็นภาพความเชื่อมโยงที่จะสามารถเอาผิดได้ ถ้าตำรวจไม่รับแจ้งความ ผมอยากให้ไปปรึกษาสภาทนายความ เพื่อฟ้องเป็นคดีอาญา เพราะคดีอาญาไม่ได้มีต้นทุนอะไรมากมาย ถ้าสามารถยื่นฟ้องในกรณีนี้ สามารถเป็นคดีอาญาสินไหม ซึ่งสามารถเอาไปฟ้องร่วมกับทางแพ่งได้ด้วย

 

 

สรุปผลโพล คุณคิดว่า ผู้เสียหายจะได้เงินคืนหรือไม่?

 

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com