จากกรณีแม่เฒ่า 4 พี่น้อง ถูกยึดบ้านขายทอดตลาด เพราะนำโฉนดที่ดินมอบให้หลานได้นำไปจำนองเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน แต่หลานกลับถูกหลอก ไม่มีเงินผ่อนชำระคืน ทำให้ต้องถูกยึดบ้านและที่ดิน วอนเจ้าหนี้ใจอ่อนขายบ้านคืนให้ ฟาก ทนายสงกาญ์ ชี้มีแนวทางสู้ แต่ขออุบไว้ก่อน ด้าน รมว.ยุติธรรม เตรียมลงพื้นที่เข้าช่วยด้วยตัวเอง มั่นใจแก้ไขได้
ล่าสุดวันที่ 15 มิ.ย.64 น.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม อายุ 82 ปี , น.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม อายุ 80 ปี , นางตะล่อม ทิมแย้ม อายุ 77 ปี และนายลวง อนุเคราะห์ ลูกชายของนางโปรย ยายวัย 94 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ถูกไล่ที่ในรายการถกไม่เถียง ออกอากาศทาง ช่อง 7HD ว่า สาเหตุเกิดจากหลานมาขอใช้โฉนดในการไปกู้เงิน เพื่อไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน แม่เฒ่าทั้ง 4 จึงให้หลานเอาโฉนดที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา คือบ้าน 3 หลังที่แม่เฒ่าทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ตอนที่เจ้าหนี้ให้เซ็นเอกสารให้เซ็นในกระดาษเปล่า และได้เงินมาเพียง 280,000 บาท แต่ในสัญญากลับไปเขียนว่ากู้เงินไป 450,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการตกลงว่าจะเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน ซึ่งก็มีการจ่ายมาตลอด ต่อมาก็มีการไปขอเงินเจ้าหนี้เพิ่มอีก 200,000 บาท ห่างจากการกู้ครั้งแรก 3 ปี ส่วนหลานชายที่ไปทำงานที่ไต้หวันก็ถูกหลอกไม่มีเงินกลับมาใช้หนี้ได้ จนกระทั่งทางเจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดบ้านและที่ดินทั้งหมด
นายลวง อนุเคราะห์ อายุ 54 ปี ลูกชายของนางโปรย อนุเคราะห์ ผู้ชายคนเดียวของบ้าน ที่ต้องดูแลแม่ และน้า 3 คน และพี่สาวอีกคน เผยว่า ตนในฐานะคู่ความแทนพี่ชายซึ่งเป็นลูกหนี้และเสียชีวิตไปแล้ว ได้ไปอ้อนวอนขอซื้อที่ดินพร้อมบ้านคืน โดยจะนำเงินที่ได้รับคืนจากสำนักงานบังคับคดี และจากบางส่วนที่พอจะหามาได้ เพื่อขอซื้อบ้านสามหลังกลับแต่ยังไม่สำเร็จ วันที่ขายทอดตลาด ตนเองได้ไปยกมือไหว้ขอทางเจ้าหนี้ ซึ่งเขาก็บอกให้กลับไปเอาเงินมาให้ ตนเองจึงรีบกลับไปวิ่งเต้นหาเงิน พอกลับมาก็สายไปแล้ว เขาขายทอดตลาดไปหมดแล้ว ซึ่งคนที่ซื้อไปก็คือตัวเจ้าหนี้เอง หลังจากนั้นก็พยายามคุยเพื่อขอซื้อที่ดินคืน แต่ทางเขาไม่ขายให้ จนกระทั่งมีการไปเจรจาอีก โดยทางเจ้าหนี้จะขายให้เฉพาะบ้านเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งทางตนเองไม่มีเงินจะให้ คดีอยู่ในขั้นตอนการบังคับให้จำเลย ออกจากบ้านและที่ดินที่พิพาท ซึ่งแม่เฒ่าทั้ง 4 จะต้องออกจากบ้านในวันที่ 17 มิถุนายน นี้แล้ว โดยไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อไป
ฟาก ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม พูดถึงประเด็นที่มีการให้เซ็นสัญญาเปล่า ก่อนที่เจ้าหนี้จะเป็นคนกรอกข้อมูลทั้งหมดเองว่า ถือว่าเอกสารเป็นเท็จ กฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจนว่าถ้าบุคคลได้ระบุข้อมูลลงในเอกสารที่มีผู้อื่นเซ็นชื่อโดยไม่ยินยอม ถือว่ามีความผิด โทษถึงขั้นจำคุกได้ และอีกประเด็นคือดอกเบี้ยที่คิดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไหนจะการนำสืบพยานหลักฐานเท็จอีก สำหรับเรื่องการย้ายออกจากถิ่นที่อยู่ ต้องขอความเมตตาของศาลให้เลื่อนการย้ายออกไปก่อน สัก 60 วัน เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปสืบหาข้อเท็จจริงก่อน นอกจากนั้ จากพยานหลักฐานแล้ว มีโอกาสได้บ้านและที่ดินคืน เพราะผู้ให้กู้และผู้ซื้อทรัพย์ ทั้งหมดเป็นคนเดียวกัน มีแนวทางสามารถทำได้ แต่ยังไม่ขอบอกตอนนี้
ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้พูดถึงกรณีนี้ว่า "มันถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปช่วยกันเต็มที่แล้ว ช่วงแรกท้องถิ่นพยายามไกล่เกลี่ยแล้วแต่ไม่เรียบร้อย แต่ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เขามีการนัดไกล่เกลี่ยกัน ผมก็จะเข้าไปดูแลด้วยตัวเอง ผมมั่นใจครับว่ามันสามารถแก้ได้ทั้งหมดครับ ผมเข้าใจว่าคุณยายจะได้อยู่บ้านหลังเดิม ผมเข้าใจว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นครับ"
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com + อ่านเพิ่มเติม