สุดเวทนา แม่เฒ่า 4 พี่น้องร่ำไห้ขอตายดีกว่า โดนตะเพิดไล่ออกจากบ้าน กำหนดเส้นตาย 17 มิ.ย.นี้ หลังหลานชายนำที่ดินไปจำนอง เพื่อไปทำงานต่างประเทศ แต่กลับถูกหลอก สุดท้ายไม่มีเงินผ่อน จนถูกยึดที่ดิน วอนเจ้าหนี้ใจอ่อนขายบ้านคืนให้ ด้าน รมว.ยุติธรรม เตรียมลงพื้นที่ช่วยด้วยตัวเอง
วันนี้ (15 มิ.ย.2564) รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เปิดใจสัมภาษณ์ น.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม อายุ 82 ปี , น.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม อายุ 80 ปี , นางตะล่อม ทิมแย้ม อายุ 77 ปี และนายลวง อนุเคราะห์ ลูกชายของนางโปรย ยายวัย 94 ปี แม่เฒ่า 4 พี่น้องที่ถูกยึดบ้านที่ดินขายทอดตลาด พร้อมด้วย ทนาย สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม
น.ส.ศรีนวล , น.ส.แฉล้ม และ นางตะล่อม ร่ำไห้กลางรายการ สุดอัดอั้นหลังโดนไล่ออกจากบ้านที่หวังใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่กลับต้องโดนไล่ออกจากบ้าน โอดตอนนี้อยากได้บ้านและที่ดินคืน ทุกวันนี้ได้แค่เงินคนแก่ เดือนละ 800 บาท ก็หุงหากินรวมกัน ไม่มีเงินเก็บเลย อีกทั้งต่างคนต่างก็มีโรครุมเร้า เดินก็ไม่ค่อยไหว ซ้ำร้ายเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ และคนเล็กเป็นโรคหอบหืด ไม่รู้จะไปอยู่ไหนช่วงบั้นปลายชีวิต
นายลวง อนุเคราะห์ ลูกชายของนางโปรย ยายวัย 94 ปี เล่าว่าสาเหตุเกิดจากหลานมาขอใช้โฉนดในการไปกู้เงิน เพื่อไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน แม่เฒ่าทั้ง 4 จึงให้หลานเอาโฉนดที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12 ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 งาน 97 ตารางวา คือบ้าน 3 หลังที่แม่เฒ่าทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ตอนที่เจ้าหนี้ให้เซ็นเอกสารให้เซ็นในกระดาษเปล่า และได้เงินมาเพียง 280,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการตกลงว่าจะเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน ซึ่งก็มีการจ่ายมาตลอด แต่ในสัญญากลับไปเขียนว่ากู้เงินไป 450,000 บาท ต่อมาก็มีการไปขอเงินเจ้าหนี้เพิ่มอีก 200,000 บาท ห่างจากการกู้ครั้งแรก 3 ปี ส่วนหลานชายที่ไปทำงานที่ไต้หวันก็ถูกหลอกไม่มีเงินกลับมาใช้หนี้ได้ จนกระทั่งทางเจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดบ้านและที่ดินทั้งหมด วันที่ขายทอดตลาด ตนเองได้ไปยกมือไหว้ขอทางเจ้าหนี้ ซึ่งเขาก็บอกให้กลับไปเอาเงินมาให้ ตนเองจึงรีบกลับไปวิ่งเต้นหาเงิน พอกลับมาก็สายไปแล้ว เขาขายทอดตลาดไปหมดแล้ว ซึ่งคนที่ซื้อไปก็คือตัวเจ้าหนี้เอง หลังจากนั้นก็พยายามคุยเพื่อขอซื้อที่ดินคืน แต่ทางเขาไม่ขายให้ จนกระทั่งมีการไปเจรจาอีก โดยทางเจ้าหนี้จะขายให้เฉพาะบ้านเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งทางตนเองไม่มีเงินจะให้ ตอนนี้มีที่เหลือแค่ประมาณ 11 งาน เขาให้ไปอยู่ตรงนั้น แต่มันอยู่ไม่ได้เพราะเป็นที่ในไร่ ไม่มีน้ำไม่มีไฟ ทุกวันนี้ก็ต้องดูแลคนแก่ทั้ง 4 คน ทำงานค้าขายเพื่อหาเลี้ยงกันไป
ส่วนหลานที่มาขอโฉนดไปกู้เงินตอนนี้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว แต่ก็ไม่มีงานทำ เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง มีลูก ลูกก็พิการ ถ้าตอนนี้มีเงินก็อยากจะเอาบ้านไว้ เพราะคนแแก่เขาไม่ยอม ไม่อยากทิ้งบ้านไปไหน ถ้าเขาให้ออกไปก็ไม่รู้จะไปที่ไหน ทำอะไร ตอนนี้ก็ต้องไปหาเช่าบ้านอยู่ เดือนละ 500 บาท เป็นบ้านชั้นเดียวอยู่กัน 4 คน
ฟาก ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็พูดถึงประเด็นที่มีการให้เซ็นสัญญาเปล่า ก่อนที่เจ้าหนี้จะเป็นคนกรอกข้อมูลทั้งหมดเองว่า ถือว่าเอกสารเป็นเท็จ กฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจนว่าถ้าบุคคลได้ระบุข้อมูลลงในเอกสารที่มีผู้อื่นเซ็นชื่อโดยไม่ยินยอม ถือว่ามีความผิด โทษถึงขั้นจำคุกได้ และอีกประเด็นคือดอกเบี้ยที่คิดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลักฐานชัด เป็นลายมือเจ้าหนี้ ไหนจะการนำสืบพยานหลักฐานเท็จอีก สำหรับเรื่องการย้ายออกจากถิ่นที่อยู่ ต้องขอความเมตตาของศาลให้เลื่อนการย้ายออกไปก่อน สัก 60 วัน เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปสืบหาข้อเท็จจริงก่อน นอกจากนั้ จากพยานหลักฐานแล้ว มีโอกาสได้บ้านและที่ดินคืน เพราะผู้ให้กู้และผู้ซื้อทรัพย์ ทั้งหมดเป็นคนเดียวกัน มีแนวทางสามารถทำได้ แต่ยังไม่ขอบอกตอนนี้
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้พูดถึงกรณีนี้ว่า "มันถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปช่วยกันเต็มที่แล้ว ช่วงแรกท้องถิ่นพยายามไกล่เกลี่ยแล้วแต่ไม่เรียบร้อย แต่ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เขามีการนัดไกล่เกลี่ยกัน ผมก็จะเข้าไปดูแลด้วยตัวเอง ผมมั่นใจครับว่ามันสามารถแก้ได้ทั้งหมดครับ ผมเข้าใจว่าคุณยายจะได้อยู่บ้านหลังเดิม ผมเข้าใจว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นครับ"
สรุปผลโพล คุณคิดว่ายาย 4 คน จะได้อยู่บ้านเดิมหรือไม่?
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com
+ อ่านเพิ่มเติม