ปัดทวงบุญคุณ! พ่อบุญธรรม งัดหลักฐานโชว์ แฉยับลูกดาราเนรคุณ ทำร้ายร่างกาย แถมทิ้งให้เป็นหนี้

           พ่อบุญธรรม แฉยับลูกดาราเนรคุณ ตนเองวิ่งเต้นกู้เงิน สนับสนุนลูกจนได้เป็นนักแสดง สุดท้ายถูกตัดสัมพันธ์ เซ็นยกเลิกเป็นพ่อบุญธรรม งัดหลักฐานโชว์ ถูกทุบตี จับขัง ทิ้งหนี้สินให้รับผิดชอบ

 

             วันนี้ (14 มิ.ย.2564) รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เปิดใจสัมภาษณ์ ดร.พัทธนันท์ พุดหล้า อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้มาเปิดเผยประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวที่ทำให้ถึงขั้นที่ลูกบุญธรรมขอตัดความสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูก และต้องฟ้องร้องกัน รวมทั้งท้ายที่สุดต้องหย่าร้างกับภรรยา

 

            โดย ดร.พัทธนันท์ เล่าจุดเริ่มต้นให้ฟังว่า ตนเองและภรรยาแต่งงานอยู่กินกันมานานและยังไม่มีลูก จึงได้ตกลงขอดาราหนุ่มมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ตอนน้องเรียนอยู่ชั้น ม.3 อายุประมาณ 15 ปี เขาเป็นลูกศิษย์ของภรรยา พ่อแม่เขาแยกทางกัน ก็รับเลี้ยงมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยความเป็นพ่อเป็นแม่ก็เลี้ยงลูก อยากจะให้ออกมาดี ได้ส่งเสริมให้ได้เรียนและทำกิจกรรม นิสัยของเขา ถ้าคนอื่นมองจากภายนอก จะเห็นว่าเขาเป็นคนก้าวร้าว แต่กับเราเขาเป็นเด็กที่อ่อนโยน แตกต่างจากที่คนอื่นมองเห็น พอจบ ม.6 เขาบอกว่าเขาชื่นชอบอยากจะเป็นนักแสดง เลยส่งให้เขาสอบ ถ้าสอบได้ก็จะส่งให้เรียน ความสัมพันธ์กันช่วงนี้ยังดีอยู่ เหมือนเขาเข้ามาเติมเต็มในครอบครัว เขามีโอกาสได้ไปแคสต์งานละครเวที เรื่อง ข้าว ปฐมบทแห่งชีวิต เขาบอกว่า จบ ม.6 แล้วอยากเป็นนักแสดง รุ่นพี่บอกว่าถ้าจะเป็นนักแสดงที่ดีก็ต้องเรียนด้านการแสดง พอเขาบอกว่าอยากเป็นนักแสดง เราก็มาคุยกันว่าจะทำอย่างไร โปรไฟล์ และรูปภาพกิจกรรมอะไรของเขาก็มี หาได้ไม่ยาก เราก็จัดการให้เขา พามาสัมภาษณ์เข้าเรียน ดูแลให้หมดทุกอย่าง ให้เงินต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 5 หมื่น ที่ข่าวออกไปว่าซื้อคอนโดฯ นั้นไม่ใช่ เราเช่าก่อน แต่ก็มีวางแผนว่าจะซื้อกัน มีทั้งรถยนต์ให้ และรถมอเตอร์ไซค์ให้ อยากจะให้เขาสะดวกสบายทั้งการไปเรียนและการทำงาน เราเป็นคนสนับสนุนเรื่องการเป็นอยู่ของเขาทั้งหมด ตกประมาณเดือนละ 5 หมื่นบาท ซึ่งเราไปกู้เงินจากสวัสดิการของมหาวิทยาลัยมา เพื่อเตรียมเอาไว้ให้พร้อมสนับสนุนเขาโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ส่วนกู้จากธนาคาร 2 ธนาคารก็เกือบ 2 ล้านบาท จนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง วิชาเอกการแสดง จนจบปริญญาตรี จุดเปลี่ยนคือตอนปี 2 มันมีข่าวออกมาเขาไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎที่ตกลงกันเอาไว้ กฎที่ตกลงกันเอาไว้ก็คือ ถ้าอยู่ในวงการ อย่าเพิ่งไปคบกับผู้หญิงจริงๆ จังๆ เพราะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมา เรายึดถือตรงนี้ เราหวังดีว่าอยากให้เขามีงาน มีเงิน จริง ๆ เราก็ไม่ได้เห็นทั้งหมด เพราะว่าพ่อเข้ามาที่กรุงเทพเดือนละครั้ง มีแต่แม่กับลูกที่อยู่ที่กรุงเทพ ตอนแรก ๆ ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ภรรยาก็บอกว่า ไม่มีอะไรหรอก ให้เชื่อใจ เพราะเขาดูแลอยู่

 

             พอขึ้นปี 4 เขาบอกว่า เขาคบกับคนนี้ เขาบอกเราว่า ถ้าป๊าไม่โอเคก็ไม่เป็นไร เรากลัวว่าเขาจะทำพลาด เพราะลูกหลานที่เคยมาอยู่ด้วยกับเรา เขาเคยทำพลาดแบบนี้มาหลายคน วันนั้นผมมาหาเขาที่กรุงเทพตามปกติทุกเดือน คุยกันว่าถ้าจะไปไหนเดี๋ยวไปด้วยกัน วันนั้นเขาไม่มีงานแล้วนั่งเล่นเกมทั้งวัน ติดเกมมาก เราจะชวนเขาไปกินข้าว แต่เขาบอกมาว่า อย่ามาเซ้าซี้ วันหยุดไม่มีงานอยากจะเล่นเกม เราเองก็พูดเยอะขึ้น บอกให้เลิกเล่นเกมแล้วไปกินข้าวกัน แล้วเขาใช้คำพูดที่ไม่ดี ขึ้นกูมึง ว่า มึงก็ไม่ใช่พ่อกูหนิ จะอะไรกับกูนักหนา เราก็สะอึก เราจำคำนี้มาตลอด หลังจากทะเลาะกันทางคำพูด ก็มีการพูดแขวะ เหวี่ยงกันไปมา มีการเดินชนกัน เขาก็อาจจะรู้สึกว่าเหมือนเราจะทำร้ายเขา เขาก็จับเราเหวี่ยงลงจากเตียง นั่งทับแล้วทำร้ายกัน ส่วนแม่เขาก็ทำแค่นั่งอยู่ที่โซฟา คอยส่งเสียงห้าม หลังจากนั้นเขาก็เก็บข้าวเก็บของออกไปกัน จากเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนบอกให้แจ้งความ แต่เราไม่แจ้ง เพราะว่ายังเห็นว่าเขาเป็นลูก

 

 

           สำหรับเรื่องคบหาผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้ น่าจะเป็นเพื่อนที่เล่นละครเวทีด้วยกัน เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นต้นเหตุหรือเปล่า แต่เวลาคุยก็คุยกันนาน แอบไปคุยข้างนอก เวลาจะไปไหนกันสักทีก็ต้องรอเขา เราก็สงสัยว่าจะคุยอะไรกันนักหนา เขาจะคุยกับใครเราไม่รู้ เราไม่เห็น แต่เวลาบางทีจะไปไหนมาไหน เขาก็ติดสายคุยอยู่ตลอด ไปด้วยกันแต่ก็ไม่ได้คุยกัน เราก็กังวลว่าอยากจะให้เขามุ่งหน้าไปที่การทำงานอย่างเดียว ยืนยันว่าไม่ได้เลี้ยงต้อย เพราะเราไปหาเขาเดือนละครั้งเท่านั้นเอง เราได้ไปคุยกับตายายของเขาว่าจะดูแลเขายังไง มันไม่ใช่การเลี้ยงต้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ อยากจะให้เขาออกมาคุย เพื่อแบ่งเบาภาระตรงนี้มากกว่า เราไม่ได้อยากจะทำอะไรอย่างอื่นเลย ตอนนี้เป็นหนี้ 3 - 4 ล้านบาท เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแม่ลูกคู่นี้ เราไม่ได้คิดว่าเป็นการทวงบุญคุณ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นข่าวในสื่อเลย เราแค่ไปเล่าให้กับคนที่รู้จักฟัง ไม่คิดว่าจะมานั่งตรงนี้ด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดอยากดังเลยสักนิดเดียว เรื่องการใช้หนี้ เขาจะเอาเงินมาจากไหน เราก็ไม่ทราบ แต่มันก็ควรจะได้คุยกันก่อนไหม เพราะเราถูกบล็อกจากเขาทุกทิศทาง ไม่ใช่มารู้จากเพื่อนแบบนี้ 

 

          ดร.พัทธนันท์ เผยว่า ยอมรับว่าน้อยใจเขาที่ว่า นาน ๆ ทีมาหา เขาก็ไม่สนใจเลย เขาอยู่มุมนึง แม่ก็อยู่มุมนึง แรก ๆ จะไปกินหรือไปไหนมาไหนด้วยกันก็ได้ตลอด แต่หลัง ๆ มาเริ่มไม่ได้แล้ว เราห่างกันไป 2 - 3 ปีแล้ว เราไม่สามารถติดต่อกันได้เลย ส่วนใหญ่มีแต่คนอื่นส่งข่าวมา ถ้าเราไม่เจอปัญหาอย่างนี้ เราก็ไม่อยากจะออกมาพูดให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว สิ่งที่เราอยากจะให้เขาได้รับรู้ก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากแยกย้ายไปแล้วเนี่ย มันมีอะไรบ้าง ไม่ใช่แยกย้ายหายกันไปเลย มันก็ควรจะรู้ว่าเราลำบากอะไรแค่ไหนในตอนนี้ อีกอย่างคนที่เป็นแม่ เรารู้จักเขามานานก่อนคนเป็นลูกด้วยซ้ำ เขามาขอที่จะเลือกเส้นทางชีวิตเอง ไม่อยากจะมีส่วนร่วมในวงจรนี้ ให้มาเอาความเป็นลูกออกไปจากตัวเขา ส่วนหนี้สินก็อยากให้เราไปหย่าขาดกับแม่ เพราะไม่อยากมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย ทุกอย่างเราจะพูดด้วยหลักฐาน เพราะเราตัวคนเดียว เขาสองคนต้องคุยกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เราจะมีข้อมูลที่เป็นจริงจากสิ่งที่เกิดขึ้นมาอยู่แล้ว สามารถย้อนดูได้เลย ยอมรับว่าเคยตีเขาบ้าง เวลาโมโหที่เขาไม่เชื่อฟัง แต่ไม่ได้ถึงขั้นทุบตีอะไรขนาดนั้น ตอนนี้รู้สึกเฉย ๆ เพราะไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ติดต่อกัน เหมือนถูกตัดออกไป เขาตัดเราออกไปเอง จากโมเมนท์ที่ตัดกันออกไปมันก็ไม่ชวนให้น่าคิดถึงอะไรขนาดนั้น

 

 

           แต่เมื่อเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป เราก็อยากจะให้ลูกและอดีตภรรยามีความรับผิดชอบ อย่าได้ทิ้งภาระให้เราเพียงคนเดียว จึงได้พึ่งศาลเพื่อขอความเป็นธรรม โดยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินเพื่อมาใช้จ่ายให้กับลูกบุญธรรม เราเก็บไว้หมด และเตรียมที่จะแถลงต่อศาลต่อไป ถ้าถามว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ก็คงไม่ได้ แต่ถ้ากลับมาเพื่อปรึกษาวางแผนชีวิตกันแบบนี้ได้ แต่ถ้าจะให้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนเดิมก็คงไม่ได้แล้ว เพราะเขาพูดออกมาเอง เราก็จำคำที่เขาพูดเอาไว้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็คงไม่รับลูกคนนี้มาเลี้ยง ตอนนี้รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เราพยายามทำให้ แต่ไม่ได้เห็นความสำเร็จสูงสุดของเขา เหมือนเราดูแลเขาไม่สุด ไม่สำเร็จ เหมือนโดนทิ้งไว้กลางทาง

 

           ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ต้องฟังจากปากของอีกฝ่าย ที่คาดว่าจะมีการแถลงข่าวในเร็วๆ นี้ ซึ่งดาราชายที่ตกเป็นข่าวยืนยันว่าเป็นหนังคนละม้วนแน่นอน

 

 

สรุปผลโพล คุณคิดว่า พ่อแม่ควรทวงบุญคุณลูกหรือไม่? 

 

ติดตาม  รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง  hitz955.com