นายกฯ ขอบคุณ CEO บริษัทเอกชนชั้นนำ ที่พร้อมช่วยรัฐฯจ่ายค่าวัคซีนเองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระจายวัคซีนให้เร็วที่สุด
19 เม.ย. 64 Facebook ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้โพสต์ขอบคุณบริษัทเอกชนที่ร่วมอาสาจะช่วยเเบ่งเบาภาระเรื่องวัคซีนเเก่ประชาชน โดยเนื้อหามีอยู่ว่า
วันนี้หอการค้าไทยมีการประชุมร่วม ระหว่างกรรมการหอการค้าไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทใหญ่ของไทยกว่า 40 บริษัท จากทุกภาคอุตสาหกรรม โดยประเด็นหลักเพื่อหารือความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยใช้ศักยภาพและความพร้อมของภาคเอกชนผนึกกับภาครัฐ
ผมขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่มีความตั้งใจที่ดี และพร้อมร่วมมือกันอย่างบูรณาการเพื่อช่วยประเทศ ผมรอที่จะได้รับฟังผลการประชุม ความคิดเห็นและคำแนะนำจากท่านครับ #รวมไทยสร้างชาติ
จากข้อมมูลจากหอการค้าไทยหลังประชุมวีดีโอคอลกับ CEO กว่า 40บริษัทชั้นนำของไทยได้ข้อสรุปว่า CEO ทุกบริษัทเห็นตรงกันว่าขณะนี้ประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 0.4% ของประชากรเท่านั้น ซึ่งถือว่าล่าช้ามากสำหรับการที่จะเปิดประเทศที่จะต้องฉีดให้ได้ถึง 70% ของประชากร ภาครัฐจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับทุกคน โดย CEO ทุกท่านพร้อมที่จะช่วยภาครัฐ ซึ่งหอการค้าไทยพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการ Connect the dots เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย และเชื่อว่า หากคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะทำให้ประเทศไทยของเราฝ่าวิกฤติ COVID-19 นี้ ไปได้อย่างแน่นอน
โดยการทำงานร่วมมือกันของเอกชนจะเเบ่งเป็น 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน
TEAM A : Distribution and Logistics ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ช่วยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์ IT เช่น คอมพิวเตอร์ ปริ๊นเตอร์ เครื่องอ่านบัตรประชาชน ให้ กทม. เพิ่มจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมและไปลงพื้นที่สำรวจกับ กทม. แล้ว ในระยะแรก จำนวน 10 พื้นที่ใน กทม. ที่เอกชนจะนำร่อง เช่น กลุ่มเซ็นทรัล, SCG, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, เอเชียทีค, โลตัส, บิ๊กซี, ทรูดิจิตัลพาร์ค เป็นต้น โดยจะสรุปกับ กทม.ภายในวันที่ 27 เมษายนนี้ และในระยะถัดไปจะมีการหารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน
TEAM B : Communication ทีมการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมาฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม เพราะปัจจุบันหลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน หลายคนไม่ยอมฉีด ดังนั้นต้องทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ภาครัฐจะทำระบบ หมอพร้อม เสร็จสิ้นในเดือนนี้ ซึ่งจะสามารถระบุสถานที่ต่างๆ ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน การจัดคิวการฉีดที่ไม่หนาแน่น หรือลำดับการฉีดที่เหมาะสม โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท อาทิ Google, LINE, Facebook, VGI และ Unilever เป็นต้น
TEAM C : IT Operation ทีมเทคโนโลยีและระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการลงทะเบียน ขั้นตอนในการฉีดที่รวดเร็ว และมีระบบการติดตามตัว พร้อมสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยมีหลายบริษัท นำทีมโดย IBM เข้ามาสำรวจและปรับปรุงกระบวนการ
TEAM D : Extra Vaccine procurement ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยจะไปสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น นำโดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งในวันนี้ได้มีการหารือกันแล้ว ประเมินว่ายังต้องการวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก 30 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งวัคซีนทางเลือก ได้แก่
1 ประเทศสหรัฐอเมริกา วัคซีน Moderna และ Pfizer
2. ประเทศจีน วัคซีน Sinopharm และ CanSino Biologics
3. ประเทศอินเดีย วัคซีน COVAXIN จากบริษัท Bharat Biotech
4 ประเทศรัสเซีย วัคซีน Sputnik V
ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะจ่ายค่าวัคซีนให้กับพนักงานของตัวเองรวมแล้วเกือบ 1 ล้านราย เพื่อแบ่งเบาภาระรัฐบาล
สำหรับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ที่เข้าร่วมการประชุมวีดีโอคอล ได้แก่
- บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด
- บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG
- บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI
- บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS
- บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) หรือ SEA VALUE
- บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN
- บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC
- บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
- บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC
- บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด
- บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด
- บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
- บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด
- บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด
- บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Bev
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU
- บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM
- บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH
- บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC
- COSO Foods Thailand & Vietnam of Pepsi Cola (Thai) Trading Co., Ltd.
- บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด
- บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL
- บริษัท โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท จำกัด
- บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH
- บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย)
- บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด
- บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
- บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ MERCHANT
- บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย
- บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
- บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด หรือ IBM
- บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK Group
- บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Kao Industrial
- บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด ( มหาชน ) หรือ MAKRO
- บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
- บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด หรือ Nestle
#TERODigital #โควิด #โควิด19 #วัคซีน