เมื่อวันที่ 10 มีนาคม กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป.,พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม นายบุญมี ศรีคำขลิบ อายุ 65 ปี ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ จับกุมได้ที่ ริมถนน สค.2004 พื้นที่ ม. 5 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
โดยเมื่อปี 2552 นายบุญมี ศรีคำขลิบ พร้อมพวกอีก 8 คน ได้รับว่าจ้างจาก นางเอ (นามสมมุติ) สั่งฆ่านายวิชัย (สงวนนามสกุล) น้องชายสามีของตน เพื่อหวังเอาเงินประกันที่ได้ทำไว้ให้กับผู้ตาย จากบริษัทประกันภัย 5 บริษัท 12 กรมธรรม์ รวมเป็นเงินกว่า 6,000,000 บาท โดยตอนแรกมีการวางแผนตั้งใจจัดฉากฆาตกรรมอำพราง ทำทีว่าเป็นการขับรถชนให้เหมือนกับเกิดอุบัติเหตุ แต่กลับไม่เป็นดั่งที่หวัง จึงได้กลับไปเริ่มวางแผนใหม่ และได้ตัดสินใจก่อเหตุซ้ำโดยเป็นการใช้อาวุธปืนยิงนายวิชัย (สงวนนามสกุล) จนเสียชีวิตก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี
หลังเกิดเหตุเพียงไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ได้ติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้มากถึง 7 คน เหลือเพียงแต่ นายบุญมี ศรีคำขลิบ ที่ยังคงหลบหนีคดีมากกว่า 12 ปี จนสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ทั้งนี้ คดีดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ รวมถึงพฤติการณ์ก่อเหตุที่มีการวางแผนจัดฉากฆาตกรรมอำพรางและก่อเหตุซ้ำ โดยนายบุญมี ศรีคำขลิบ ตัวการสำคัญ จึงกลายเป็นมือปืนรับจ้างอันดับที่ 53 ของบัญชีดำปฏิทินมือปืนรับจ้าง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวมากที่สุด ถึงขั้นมีรางวัลนำจับกว่า 100,000 บาท
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบมาว่าปัจจุบัน นายบุญมี ศรีคำขลิบ หลบหนีมารับจ้างทำงานเป็น รปภ. ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว จากการสอบสวน นายบุญมี ศรีคำขลิบ ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่ขอให้รายละเอียดใด ๆ ทั้งสิ้น ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่ง สภ.บึงสามพัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป