3 มี.ค. 64 จ.ตรัง นายสมโชค สงนวล วัย 58 ปี ทำการเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพู หรือปลากือเลาะ เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือนมานานกว่า 10 ปี โดยไม่ทราบว่าเป็นปลาหายากใกล้สูญพันธุ์ ที่สำคัญมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 2,000 - 3,500 บาท หากส่งออกไปต่างประเทศจะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5,000-6,000 บาท
ต่อมา บริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรังได้เข้ามาทำโครงการวิจัย และพบว่าเป็นปลาพลวงชมพู จึงเข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ซึ่งอยู่ริมเทือกเขาบรรทัด รวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูเกรดพรีเมี่ยม เพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันชาวบ้านมีการรวมกลุ่มกันเพาะเลี้ยงเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากปลาพลวงชมพู ออกไข่น้อยและอัตราการรอดน้อย ชาวบ้านจึงอยากให้กรมประมงมาช่วยผสมเทียมหรือเพาะขยายพันธุ์ให้ เพื่อกระจายให้กับชาวบ้านนำไปเลี้ยงให้แพร่หลายมากขึ้น
ทั้งนี้ เกษตรกรรายใดสนใจสามารถติดต่อผ่าน อบต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรังได้ในวันและเวลาราชการ
อย่างไรก็ตาม ปลาพลวงชมพูเป็นปลาน้ำจืดในตระกูลปลาตะเพียน หรือบางแห่งเรียกว่าปลาเวียน เป็นปลาที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ สามารถนำไปทอดกรอบแล้วกินได้ทั้งเกล็ด แตกต่างจากปลาทั่วไป เนื่องจากเกล็ดมีลักษณะอ่อนนิ่มมาก
ซึ่งเมนูยอดฮิตสำหรับปลาพลวงชมพูได้แก่ ซุปปลาพลวงชมพู ปลาพลวงชมพูนึ่งซีอิ๊ว ปลาพลวงชมพูทอดน้ำปลา และต้มยำปลาพลวงชมพูเป็นต้น.