จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คดี 'น้องนิหน่า' เด็กสาววัย 15 ปี ถูกพบเป็นศพ เสียชีวิตในร่องกลางถนนเพชรเกษม สายเอเชีย - ท่าข้าม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา โดยร่างกายอยู่ใกล้กับรถจักรยานยนต์สีขาวที่ล้มคว่ำอยู่ หากแต่บริเวณใบหน้ามีบาดแผลลักษณะคล้ายถูกกระแทกจนปูดบวมแตก ส่วนรถจักรยานยนต์ แม้อยู่ในลักษณะประสบอุบัติเหตุจนไปล้มในเกาะกลาง หากแต่กลับไม่มีรอยเฉี่ยวแต่อย่างใด
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดข้อสงสัยขึ้น พร้อมกับตั้งประเด็นว่า คดีนี้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ หรือฆาตกรรมอำพราง เนื่องจากในที่เกิดเหตุมีการพบรองเท้าผู้ชายตกอยู่ 1 คู่ นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือตกอยู่อีก 1 เครื่องและกระเป๋าสะพายของผู้เสียชีวิตได้หายไป
กระบวนการสืบสวนเริ่มขึ้น เมื่อตำรวจระดมกำลังว่า 30 นาย ตั้งทีมไขคดีและทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่เริ่มงานด้วยการเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร ปรากฎภาพที่เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่จะเชื่อมเหตุการณ์ก่อนพบศพน้องนิหน่าได้
เมื่อเวลา 00.22 น. ของคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2654 กล้องวงจรปิดจับภาพน้องนิหน่า ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาภายในปั้มน้ำมัน ลักษณะรูปพรรณคือผู้หญิงสวมใส่เสื้อฮู๊ด กางเกงขายาวมิดชิด และที่สำคัญเธอมีท่าทีเหมือนลูกค้าทั่วไป ไร้เหตุบ่งบอกถึงความผิดปกติใดๆ
ขณะเดียวกันก็มีรถเก๋งโตโยต้าโคโรล่า สีบรอน ทะเบียน กง 856 ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขับเข้ามาจอดเติมน้ำมันในปั้มก่อนที่ขับจะออกก่อนสถานที่ดังกล่าวไปโดยไม่มีอะไรผิดสังเกตุ
กระทั่งชุดสืบสวนคดี ได้ภาพกล้องวงจรปิดที่เลยจุดเกิดเหตุมาเล็กน้อย พบว่ามีเพียงรถเก๋งดังกล่าวขับมาคันเดียว โดยไม่มีรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า ขับตามมาแต่อย่างใด จุดนี้จึงเป็นข้อพิรุธที่ตำรวจนำไปตั้งธงในการติดตามตัวคนร้าย
เมื่อมีการไล่เรียงลำดับเหตุการและช่วงเวลาที่เกิดเหตุแล้ว ตำรวจพบพิรุธของเก๋งโคโรล่าคันนี้ ซึ่งหากเทียบเวลาแล้ว รถเก๋งขับช้ามากผิดปกติ เพราะจากปั้มน้ำมันมาถึงจุดที่มีกล้องวงจรปิดเลยมาอีกตัว ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 2 นาที แต่คนขับรถเก๋งคันนี้ใช้เวลาถึง 20 นาทีในการเดินทาง
ข้อพิรุธดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ เร่งทำการตรวจสอบแกะรอยหาเจ้าของรถคันดังกล่าว พบว่าคนขับคือ นายประถม เอียดขาว อายุ 49 ปี หรือ บังหมัด เมื่อเปรียบเทียบภาพจากภาพในกล้องวงจรปิด กับภาพบัตรประชาชนของนายประถม พบว่ามีลักษณะตำหนิรูปพรรณ หน้าตาเหมือนกันทุกประการ จึงเชื่อว่านายประถมเป็นคนร้ายในคดีนี้
ไม่เพียงเท่านั้น หลักฐานที่มัดตัวอาชญากรรายนี้ คือ ผลการตรวจ DNA จากซอกเล็บของผู้ตาย พบว่าตรงกับ DNA ของนายประด้วยอย่างชัดเจน รวมทั้งรองเท้าแตะสีน้ำเงินที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 คู่ ก็ตรงกับรองเท้าแตะในภาพกล้องวงจรปิดที่ชายขับรถเก๋งสวมใส่เหมือนกัน
ต่อมาสังคมได้ทราบข่าวสะเทือนใจ เมื่อตำรวจแถลงข่าว บังหมัด ฆาตกรโหดผู้ลงมือปลิดชีวิตเด็กสาววัย 15 และคุมตัวผู้ร้ายรายนี้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 200 คน ที่มารอรุมประชาทัณฑ์ ตะโกนกับสาปแช่งด่าทอมือสังหารโหดคนนี้ด้วยความโกรธ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติของนายประถม พบว่า เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจารฯ เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โทษให้รองลงอาญา 2 ปี ปรับเงิน 5,000 บาท
และแล้วก็มีเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนในสังคมเกิดขึ้น เมื่อฆาตกรเปิดปากเล่าถึงแรงจูงใจที่กระทำต่อเหยื่อสาววัย 15 ว่า ก่อนเกิดเหตุไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ ขากลับแวะเติมน้ำมันที่ปั้มน้ำมัน ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 3 กิโลเมตร เห็นเหยื่อสาวหน้าตาดีขี่รถเข้ามาเติมน้ำมันเพียงลำพัง จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ แล้วขับรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า จนตกคูน้ำกลางถนน แล้วลงไปชกหน้าท้อง 3 ครั้ง ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วชิงเอากระเป๋าสะพายของน้องนิหน่าพร้อมเงินสด 1,300 บาท
จากนั้นได้ใช้เหล็กสำหรับใช้เปลี่ยนล้อรถที่เตรียมมา ตีที่ใบหน้าของน้องนิหน่า 2-3 ครั้ง จนเสียชีวิตแล้วได้นำรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า มาทับศพของผู้ตายบริเวณใบหน้าและลำตัวท่อนบน เพื่อทำให้ดูว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุรถตกคูเสียชีวิต และยังได้ถอดเสื้อแจ็คแก็ตสีน้ำตาลของน้องนิหน่าที่สวมใส่อยู่ เอามาเช็ดน้ำอสุจิของตนเอง แล้วนำไปทิ้งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และล้างคราบเหล็กที่ใช้ตีเก็บไว้ในช่องเก็บของหลังเบาะนั่งข้างคนขับ
ความเลือดเย็นของคนร้ายในคดีนี้ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงการกระทำที่ไร้ความปรานี ตามมาด้วยการเรียกร้องถึงการยื่นโทษประหารชีวิตแก่ผู้ก่อเหตุ ตอกย้ำด้วยการหยิบยกประเด็นของกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่ไม่เด็ดขาดและมีช่องโหว่ให้คนร้ายได้ก่อเหตุซ้ำซาก
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีความเคลื่อนไหวของเพจดังอย่าง เพจ Drama-addict ที่ออกมาตีแผ่ในมุมของการเลือกเหยื่อของคนร้าย ที่ไม่ว่าเหยื่อจะแต่งกายอย่างไร จะเป็นเสื้อผ้าน้อยชิ้น หรือจะเป็นชุดแบบมิดชิด ก็ก่อให้เกิดอันตรายได้เหมือนกัน สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อที่ว่าผู้หญิงแต่งตัวโป๊ เป็นการยั่วยุคนร้ายให้เกิดอารมณ์ทางเพศจนเกิดคดีข่มขืนและนำไปสู่เหตุอาชณากรรมนั้นไม่เป็นความเสมอไป โดยทางเพจได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า
"กรณีของน้องนิหน่า นักเรียน ม.3 ที่ถูกคนร้ายฆ่าข่มขืน เคสนี้อยากให้คนที่ชอบโทษเหยื่อเวลาเกิดคดีข่มขืน เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายของเหยื่อ ได้เห็นว่า น้องนิหน่าผู้เสียชีวิตแต่งกายมิดชิดรัดกุมมาก แต่คนร้ายเห็นแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศจึงวางแผนทำร้ายน้องเขาและข่มขืนฆ่าชิงทรัพย์
ซึ่งชุดของน้องนิหน่าผู้เสียชีวิต ก็เหมือนกับชุดของเหยื่อในคดีข่มขืน ล่วงละเมิดทางเพศอีกจำนวนมากในประเทศไทยและทั่วโลก นั่นคือ เป็นชุดปรกติทั่วไป ไม่ใช่ชุดโป๊เปลือยใดๆ เลย เหมือนที่เคยมีการจัดนิทรรศการ เอาชุดของเหยื่อคดีข่มขืนจากทั่วโลก มาให้คนที่ยังติดอยู่กับมายาคติได้เห็นว่าจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ชุดที่เหยื่อใส่ ต่อให้เหยื่อใส่เสื้อทับกันสี่ห้าชั้น แต่ถ้าคนร้ายมันจะทำ มันก็ทำอยู่ดีประเด็นมันอยู่ที่ความยับยั้งชั่งใจของคนร้ายต่างหาก"
อย่างไรก็ตาม นายประถม เอียดขาว หรือ บังหมัด ถูกแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ “ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร , และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ” ซึ่งครั้งนี้เป็นที่จับตาว่า ศาลจะตัดสินยื่นบทลงโทษอย่างไรให้กับอาญชากรที่ก่อเหตุฆาตกามสุดโหดรายนี้