ผู้นำสหรัฐ มองว่า การแจ้งข้อหาความผิดด้านวิทยุสื่อสารแก่ นางอองซานซูจี ที่ปรึษาแห่งรัฐของเมียนมา ถือเป็นเรื่องน่าตลกขบขัน และ เป็นการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่ชาวเมียนมา เริ่มแสดงท่าทีคัดค้านหนักขึ้นเรื่อยๆ จน ทางการต้องระงับเฟซบุ๊ก
คำสั่งบล็อคเฟซบุ๊ก มีขึ้นหลังจากที่กลุ่มที่ต่อต้านกองทัพได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและต่อต้านการรัฐประหาร ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยมในเมียนมา มีประชาชนเข้าไปใช้อย่างน้อย 25 ล้านคนประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดที่มี 53 ล้านคน นอกจากนี้แล้ว แอพ วอตส์แอปป์ (WhatsApp) ก็ถูกบล็อกด้วย
จนทำให้ขณะนี้มีชาวเมียนมาจำนวนไม่น้อย หันไปใช้ แอพวีทีเอ็น (VTN) เครือข่ายส่งข้อมูลในกลุ่มเฉพาะแทน
สำหรับการแสดงออกของชาวเมียนมา เริ่มขยายตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังคนบันเทิง ออกมาแสดงความเคลื่อนไหวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนสื่อหลายสำนักตั้งข้อสังเกตว่า ประชาชนในเมียนมา กล้าแสดงอารยะขัดขืนมากขึ้นในการรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้
ในส่วนของนานาชาติก็ยังคงกดดันต่อเนื่องให้ปล่อยตัวซูจี เมื่อวานนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯได้โทรศัพท์หารือกับผู้นำออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ขณะที่ประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ข้อหาที่อองซาน ซูจี ถูกตำรววจแจ้งคือ ละเมิดกฏหมายการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสาร เป็นเรื่องน่าขัน
โดยเมื่อวานนี้ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักซูจีที่กรุงเนปิดอว์ ซึ่งก็พบวิทยุสื่อสารวอล์คกี้-ทอล์คกี้ 6 ตัว ทำให้ซูจีถูกตั้งข้อหานำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตั้งถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 15 วัน โดยจนถึงขณะนี้ เหลือเวลา 14 วันแล้ว แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า รัฐบาลรักษาการ และ กองทัพเมียนมา เตรียมดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาอื่นๆ อีกหรือไม่
+ อ่านเพิ่มเติม