น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
โดยปรับให้สำนักงานสลากฯ เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ 2 ประเภทที่จัดสรรโบนัสให้พนักงานได้เมื่อมีกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงาน จากเดิมเป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ 5 ประเภทจ่ายโบนัสพนักงานคงที่ โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ระดับการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสากิจมี 5 ระดับ หากได้ระดับสูงสุด คือ ระดับ 5 คะแนนประเมินดีเยี่ยม จะได้รับเงินจัดสรรโบนัสไม่เกิน 11% ของกำไร แต่ไม่เกิน 8 เท่าของเงินเดือน แต่หากได้ระดับ 1 คือเป็นระดับที่ต้องปรับปรุง จะได้รับเงินจัดสรรโบนัสไม่เกิน 7% ของกำไร แต่ไม่เกิน 2 เท่าของเงินเดือน เป็นต้น
ทั้งนี้กระทรวงการคลังรายงานว่า สำนักงานสลากฯ เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานด้านการเงินที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี คือปี 2558-2562 พบว่า มีกำไรสุทธิเฉลี่ย 3,451 ล้านบาท และมีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินเฉลี่ย 2,480 ล้านบาท
สำหรับในปี 2562 สำนักงานสลากมีสินทรัพย์รวม 43,719 ล้านบาท หนี้สินรวม 29,494 ล้านบาท รายได้รวม 8,729 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 2,666 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,063 ล้านบาท นำส่งรายได้แผ่นดินจำนวน 4,933 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิมเมื่อปี 2560-2562 พนักงานได้รับโบนัส 3.75 เท่าของเงินเดือนซึ่งเป็นระบบคงที่ ถ้าใช้ระบบใหม่โดยพิจารณาตามคะแนนประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ในปี 2560 พนักงานจะได้รับโบนัส 5.5 เท่า ปี 2561 ได้รับโบนัส 6 เท่าของเงินเดือน และปี 2562 ได้รับโบนัส 7 เท่าของเงินเดือน
โดยสำนักงานสลากฯจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของโบนัสพนักงาน และลูกจ้างประจำเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 62.40 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรสุทธิของสำนักงานสลากฯและการจัดเก็บรายได้แผ่นดินของกระทรวงการคลัง
+ อ่านเพิ่มเติม