สุดช้ำ! เจ้าสาววัย 15 เป็นหม้ายขันหมาก รับแขกทั้งน้ำตา เจ้าบ่าวลั่น “ให้ไปจบที่ศาล”
logo รอดไปด้วยกัน เศรษฐกิจชาวบ้าน

สุดช้ำ! เจ้าสาววัย 15 เป็นหม้ายขันหมาก รับแขกทั้งน้ำตา เจ้าบ่าวลั่น “ให้ไปจบที่ศาล”

รอดไปด้วยกัน เศรษฐกิจชาวบ้าน : เรื่องราวสุดช้ำใจของหญิงสาวรายหนึ่ง ในวันที่ควรจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตอย่าง วันแต่งงาน แต่กลับต้องกลายเป็นหม้า เจ้าบ่าวหนีงานแต่ง,หนีงานแต่ง,แต่งงาน,วันแต่งงาน,หม้ายขันหมาก,เจ้าบ่าวเทงานแต่ง,นครราชสีมา,วิวาห์ล่ม

1,004 ครั้ง
|
21 ม.ค. 2564
เรื่องราวสุดช้ำใจของหญิงสาวรายหนึ่ง ในวันที่ควรจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตอย่าง ‘วันแต่งงาน’ แต่กลับต้องกลายเป็นหม้ายขันหมาก สร้างตราบาปเจ้าสาววิวาห์ล่ม 
 
เมื่อเจ้าบ่าวเทงานแต่งปล่อยเจ้าสาวรอเก้อ ต้อนรับแขกเหรื่อทั้งน้ำตา เนื่องจากไม่มีค่าสินสอดมาสู่ขอ มิหนำซ้ำฝ่ายเจ้าสาวต้องเอาที่ดินไปจำนอง พร้อมกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่าจัดงานแต่งกว่า 1 แสนบาท ซึ่งเธอต้องแบกรับเรื่องอันเลวร้ายนี้ในวัยเพียง 15 ปี!
 
โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพบนโซเซียล ซึ่งเป็นภาพพิธีงานแต่งที่ดูเหมือนงานแต่งทั่วไป มีเจ้าสาวในชุดแต่งงานแสนสวย พร้อมแขกเหรื่อผู้เป็นสักขีพยานทั้งฝ่ายสงฆ์ และฆราวาส 
 
ทว่าในภาพกลับไร้เงาเจ้าบ่าว ซึ่งในโพสต์ระบุว่า “งานวิวาห์ล่มค่ะ ช่วยกดไลค์กดแชร์หน่อย งานนี้เจ้าบ่าวไม่มา เจ้าบ่าวผิดนัด เจ้าสาวรับแขกทั้งน้ำตา สงสารแต่น้องและทางบ้านเจ้าสาวและทางญาติเจ้าสาวมากค่ะ” ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา
 
ทั้งนี้ เจ้าสาวคือนางสาวเอ(นามสมมติ) อายุ 15 ปี เปิดเผยว่า “เธอได้คบหาดูใจกับเจ้าบ่าวรายนี้มา 7 เดือน ซึ่งฝ่ายชายได้พูดให้ความหวังตลอด พอจัดงานแต่งจริงๆ กลับไม่มาตามที่สัญญาเอาไว้ ปล่อยให้ตนต้องแบกรับปัญหา อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ต้องดำเนินพิธีเพียงลำพัง เพราะฝ่ายชายบอกว่าจะมางานแต่งแน่นอน ซึ่งตอนนี้ยังรู้ศึกเศร้าและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ยังไงก็จะไม่ขอกลับไปคบหากันอีก จะขอดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด”
 
ย้อนเส้นทางรักของบ่าวสาวคู่นี้ นางสาวเอ ได้รู้จักกับนายบี ว่าที่เจ้าบ่าวอายุ 20 ปีผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อประมาณ 6-7 เดือนก่อน ตนเองจบเพียง ม.3 ไม่ได้เรียนต่อ เพราะทางบ้านยากจน ส่วนฝ่ายชายไม่ได้เรียนเช่นกัน ยังไม่มีงานทำ และนิสัยค่อนข้างเกเร ซึ่งได้ทำความรู้จัก พูดจาหว่านล้อมเกิดความสนิทสนมจนได้เสียกัน 
 
ทางบ้านมารู้เข้า จึงให้ฝ่ายชายแสดงความรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ซึ่งสุดท้ายฝ่ายชายก็มาหนีงานแต่ง 
 
ด้านแม่ของนางสาวเอเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้พูดคุยกับแม่ของเจ้าบ่าวกันอย่างดิบดี ได้นัดดูฤกษ์ดูยาม ก่อนที่จะมาตกลงจัดงานแต่ง ซึ่งเงินสินสอดที่ตนเรียกไปเป็นจำนวน 60,000 บาท ทองอีก 1 บาท เมื่อมาถึงวันแต่งกลับพบว่า เจ้าบ่าวและทางครอบครัวไม่มางานแต่ง โดยฝ่ายเจ้าบ่าวโทรมาบอกว่า กำลังจะออกมาถึงงานแต่ง ทำให้เจ้าสาวต้องต้อนรับแขกในงานทั้งน้ำตาตั้งแต่เช้าจนบ่าย แต่สุดท้ายเจ้าบ่าวก็โทรกลับมาบอกอีกครั้งว่า ไม่มีเงินไปแต่งและยืนยันว่าจะไม่ไปตามที่รับปากไว้
 
เรื่องนี้ทำให้ตนกับครอบครัว รวมถึงลูกสาวถึงกับช็อก เพราะตนต้องเอาที่ดินของบ้าน 1 งาน ไปจำนองไว้ 35,000 บาท และยืมเพื่อนบ้านมาเป็นค่าจัดงานแต่งต่างๆ อาทิ ค่าอาหาร ค่าน้ำ และค่าจัดสถานที่  ซึ่งรวมเป็นเงินค่าจัด 1 แสนบาท ตอนนี้ลำบากมาก เดือดร้อนเป็นหนี้ค่าจัดงานอีก เพราะฐานะทางบ้านยากจน 
 
โดยรายได้หลักของครอบครัวมาจากพ่อวัย 43 ปี ซึ่งมีรายได้เพียงวันละ 200-300 บาท บางวันก็ไม่ได้เลย ต้องเป็นหนี้ท่วมหัว
 
ทั้งนี้ ทางฝ่ายเจ้าสาวได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีว่าที่เจ้าบ่าวที่สภ.พระทองคำ ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และอยากให้ทางครอบครัวฝ่ายชาย ออกมารับผิดชอบค่าจัดงานแต่ง และมาพูดคุยเยียวยาจิตใจลูกสาวตนด้วย เพราะลูกสาวตนเพิ่งจะอายุ 15 ปีเท่านั้นเอง แต่ฝ่ายชายก็ได้ยื่นขอประกันตัว และบอกว่า ให้ไปเจอกันที่ชั้นศาล
 
ล่าสุด วันนี้ 20 ม.ค. 64 นายบีว่าที่เจ้าบ่าวเทงานแต่ง ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในข้อหาพรากผู้เยาว์แล้ว โดยอ้างว่าเคยพูดคุยกันเรื่องแต่งงานและได้ปฏิเสธไปว่าไม่มีเงิน แต่ทางฝ่ายหญิงบอกว่า เตรียมการจัดงานไว้แล้วโดยไม่บอกวันแต่งก่อน ทำให้ตนและครอบครัวเครียดมาก สุดท้ายตนจึงตัดสินใจขอเทงานแต่งไปก่อน
 
สำหรับสินสอดที่ฝ่ายหญิงเรียกเป็นเงิน 60,000 บาท และทองคำหนัก 1 บาท โดยแม่พยายามเข้าไปพูดคุย และวิ่งหายืมเงินชาวบ้าน แต่ก็หาไม่ได้ เพราะตอนนี้ต้องหาเช้ากินค่ำ บ้านก็อาศัยคนอื่นอยู่ พ่อก็เสียชีวิตแล้ว ต้องฝากขอโทษไปยังพ่อตาแม่ยายและเจ้าสาวด้วย ถ้าในอนาคตหาเงินสินสอดตามที่ระบุมาได้ ก็จะขอโอกาสอีกครั้งได้แก้ตัว
 
โดยพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ประกอบสำนวนส่งฟ้องต่อศาลตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนคู่กรณีให้ไปสู่คดีกันในชั้นศาลต่อไป
 
ก่อนหน้านี้ทีมงานรายการรอดไปด้วยกัน ได้เคยสอบถามไปยังทนายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ ทนายความชื่อดังว่า หากเกิดกรณีเช่นนี้ สามีเทงานแต่ง ฝ่ายหญิงสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง?
 
ทนายเจมส์ ให้คำตอบว่า ก่อนอื่นจะต้องดูก่อนว่าคุณได้ทำการหมั้นหรือไม่ ซึ่งการหมั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 ระบุว่า “การหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิงเพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น”
 
ทั้งนี้ ของหมั้นจะเป็นอะไรก็ได้ หรือจะเป็นแค่แหวนวงเดียวก็ได้ แต่ขอให้มีพยานรับรู้ หรือถ่ายรูปเพื่อเป็นหลักฐานว่าเกิดการหมั้นจริง เพราะหากว่ามีการหมั้นแล้วไม่เกิดการสมรสขึ้น ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายก็ตาม หากเป็นฝ่ายหญิงจะสามารถยึดของหมั้นเป็นค่าเสียหาย หากเป็นฝ่ายชายสามารถเรียกร้องให้ฝ่ายหญิงคืนของหมั้นให้
 
นอกจากนี้ ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดดั่งกรณีที่เป็นข่าวได้ดังนี้
 
- ค่าเสียหายต่อร่างกายหรือชื่อเสียง
- ค่าเสียหายในการเตรียมงานแต่ง
- ค่าเสียโอกาสในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลาออกจากงานเพื่อมาแต่งงาน
 
 ในกรณีดังที่เป็นข่าว เท่ากับว่า ต่อให้คุณไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับฝ่ายชาย แต่มีการหมั้นหมายเกิดขึ้นแล้ว แต่จู่ๆ สามีของคุณไปแต่งงานใหม่แบบนี้ล่ะก็ คุณจะยังสามารถเรียกร้องค่าสินสอด และค่าทดแทนอื่นๆ ได้นั่นเอง
 
ทั้งนี้ ทนายเจมส์ยังได้ให้ข้อแนะนำเพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้อีกว่า
1.  ก่อนที่คุณจะแต่งงานกับใครคุณจะต้องศึกษาดูใจกันให้ถ่องแท้ ใช้ระยะเวลาดูใจกันให้นานเพื่อความแน่ใจ เพราะสมัยนี้ไม่มีรักแรกพบที่คบกันมาแค่ไม่กี่เดือน แล้วจะเป็นคู่แท้แต่งงานกันได้
 2. ก่อนที่จะแต่งงาน คุณจะต้องจัดพิธีหมั้นหมายให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดดั่งกรณีดังกล่าว
 
 
 
 
รับชมผ่านยูทูไปได้ที่ : https://youtu.be/EW1HDb4OFa0