คดีน้องชมพู่ มหากาพย์อันยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งนับตั้งแต่วันที่น้องชมพู่หายตัวปริศนาไปในวันที่ 11 พ.ค.63 จนกระทั่งวันนี้เปิดศักราชใหม่คนไทยทั้งประเทศก็ยังไม่รู้ว่า ใครคือคนร้าย!
แต่ที่แน่ๆ หลายฝ่ายคาดว่า น่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนนี้ หรือถ้าไม่ทันภายในเดือนนี้ ก็จะมีความชัดเจนออกมาไม่เกินวันที่ 15 กุมภาพันธ์
ตลอดระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้อีกครั้ง โดยหลังจากที่ตำรวจนำพ่อแม่ และญาติพี่น้องของน้องชมพู่ รวม 7 คน รวมไปถึง นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น เข้าสู่กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา
โดยทั้งหมดได้ถูกผู้เชี่ยวชาญซักถามคำถาม และเข้าเครื่องจับเท็จ ซึ่งทำให้คดีน้องชมพู่กลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชนอีกครั้ง และคาดหวังว่าการเข้าสู่กระบวนการเข้าเครื่องจับเท็จครั้งนี้ จะทำให้คดีมีความคืบหน้ามากกว่าขึ้น หรือจนกระทั่งถึงขั้นทราบว่าที่สุดแล้วใครคือคนร้ายตัวจริง
- พยานปากสำคัญ เข้าเครื่องจับเท็จ!
แต่ล่าสุดคดีนี้ก็มีแนวโน้มจะยืดเยื้อออกไปอีกครั้ง โดยตำรวจ สภ.กกตูม จังหวัดมุกดาหาร ได้พาพยาน 6 คน เดินทางมาเข้าเครื่องจับเท็จ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 1 จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ม.ค.) เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ประกอบด้วย เจ้าอาวาสวัดภูผาแอก, พระภิกษุ จากวัดป่าภูกะโล้น, ชาวบ้านบ้านกกกอก อีก 4 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน และเด็กชายอีก 1 คน
พยานกลุ่มนี้ถือเป็นพยานปากสำคัญในคดี ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 และเคยให้การเชื่อมโยงกับลุงพลมาก่อนหน้านี้ และบางคนในกลุ่มนี้ เคยถูกลุงพลต่อว่า ในลักษณะให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงด้วย จนเกิดเป็นข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านในหมู่บ้านกกกอก
- อัจฉริยะ ฟันธง! คนฆ่าน้องชมพู่ เป็นฝีมือเทวดา-นางฟ้า
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยเจ้าตัวบอกใบ้เป็นนัย ผู้กระทำผิดในคดีน้องชมพู่ คือ "เทวดากับนางฟ้า" และบอกว่ามีทั้งพยานบุคคล และวัตถุพยานชัดเจน มัดตัวคนร้ายรายนี้ นายอัจฉริยะบอกว่ามี 2 คน และคาดว่าในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ จะมีข่าวดี อาจถึงขั้นการออกหมายจับคนร้ายอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ ยังกล่าวเสริมด้วยว่า แรงจูงใจในคดีนี้มาจากความอิจฉาริษยา และเรื่องบาดหมางทะเลาะเบาะแว้งกัน ทั้งยังเปรียบเทียบด้วยว่า คดีน้องชมพู่จะเป็นคดีครูจอมทรัพย์ 2 เพราะมีคนที่พูดโกหกมาโดยตลอด
แต่อย่างไรก็ตาม คดีนี้จะออกหมายจับได้ ทางตำรวจก็ต้องมั่นใจในพยานหลักฐานที่มัดตัวคนร้ายอย่างแน่นหนา เชื่อว่าอีกไม่นานนี้ก็คงจะมีความชัดเจนอย่างแน่อน อย่าลืมว่าคดีนี้มีอายุความถึง 20 ปี วันใดวันหนึ่งความจริงจะต้องปรากฏ
- ลุงพลฟิวส์ขาด กระชากไมค์นักข่าวอมรินทร์ ล่าสุด แจ้งความแล้ว
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร ได้เข้าไปตรวจสอบที่ บ้านกกกอก อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบไม้ตะเคียน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภีข้างบ้านลุงพล โดยเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้สื่อข่าว และยูทูบเบอร์จำนวนมาก ไปรอติดตามทำข่าว
ทั้งนี้ ระหว่าง ที่ผู้สื่อข่าวรอสัมภาษณ์ ลุงพลได้เกิดปะทะกับผู้สื่อข่าวช่องอมรินทร์ทีวี ซึ่งรอสัมภาษณ์อยู่บริเวณดังกล่าว
ล่าสุด นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือฟ้า ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรกกตูม โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่ขอเรียกร้องค่าเสียหาย แต่จะแจ้งความและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ในเรื่องการทำร้ายร่างกายและข่มขู่ตนด้วย
ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า ยังคงปฏิบัติหน้าที่ทำข่าวที่บ้านกกกอกต่อไป หรือกลับกรุงเทพฯ เลยนั้น นายนภัสให้คำตอบว่า ส่วนของข่าวต้องทำต่อไป แม้อาจจะตกใจบ้าง เพราะยังมีหลายเรื่องที่ยังต้องทำต่อให้เสร็จ ถามว่ากลัวไหมก็กลัว เพราะตอนที่เกิดเหตุก็มีทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้กว่า 30 นาย ขนาดมีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เขายังมาทำร้ายขนาดนี้ ก็กังวลเหมือนกันว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ เขาจะคุกคามตนในลักษณะอื่นๆ ลักษณะไหนบ้าง วันนี้จึงตัดสินใจแจ้งความ
- ลุงพลเปิดใจ ปมทำร้ายนักข่าว อ้างแค่อยากถือไมค์เฉยๆ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว โลกโซเชียลแห่แชร์ภาพนิ่งของนายนภัส ในชุดนักมวย ตั้งการ์ดอย่างสวยงาม ในคอคล้องเหรียญรางวัล พร้อมตั้งถามว่า ลุงพลจะรู้ไหมว่า น้องฟ้าเคยเป็นนักมวย
หลังเกิดเหตุลุงพล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่ง โดยชี้แจงประเด็นการทำร้ายนักข่าวว่า ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้าย แค่จะขอถือไมค์เพราะสนิทกับน้องฟ้าอยู่แล้ว จึงจะถือไมค์มาสัมภาษณ์เอง ส่วนอีกคลิปตอนที่เข้าไปเหมือนจะบีบคอ ความจริงไม่ใช่ แค่ตั้งใจจะไปดึงแมสก์เพื่อดูหน้าเฉยๆ อีกทั้งเวลาสื่อจะถามประเด็นอะไรอยากให้สื่อบอกให้ตนรู้ก่อน จะได้ตอบถูก
ทั้งนี้ ลุงพลยังบอกอีกว่า ตนอยากขอโทษน้องฟ้า แต่ไม่รู้ว่าเขาจะให้โอกาสหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ใครหลายคนสงสัยว่าใครเป็นคนฆ่าน้องชมพู่นั้น อันนี้ต้องไปถามพ่อแม่เขาแล้วกัน
- 2 องค์กรสื่อแถลงการณ์ประณาม 'ลุงพล' จี้เอาผิดตามกฎหมาย
ขณะที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า "สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย" เห็นว่าการกระทำในกรณีดังกล่าวกับ "นักข่าว" ที่ทำหน้าที่ด้วยความสุจริตในการสัมภาษณ์ข้อเท็จจริงแต่ถูกทำร้ายไม่อาจยอมรับได้ เพราะถือเป็นการกระทำรุนแรง ขัดขวางการทำหน้าที่สื่อและคุกคามต่อสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข่าวสารของประชาชน
ดังนั้น จึงขอประณามการกระทำนี้ โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด และขอเตือนให้ "องค์กรต้นสังกัด" และ "ผู้สื่อข่าว" ให้ปฏิบัติหน้าที่ในสนามข่าวด้วยความระมัดระวัง และมีสติในทุกสถานการณ์ ระหว่างการทำข่าวที่มีระยะประชิดตัวแหล่งข่าวที่อาจมีความเสี่ยงในการแสดงออกทางอารมณ์ที่นำมาสู่การคุกคามหรือทำร้ายผู้ทำข่าว
- ผบ.ตร. เห็นคลิปแล้ว! “ลุงพล” ฟิวส์ขาด ส่อเป็นทำร้ายร่างกาย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการนำชาวบ้านกกกอกมาเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ว่า ฝ่ายสืบสวนสอบสวนแจ้งว่า ผลอย่างเป็นทางการยังไม่ออก และเมื่อผลออกมาอย่างเป็นทางการต้องมีการแปลผล และฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2-3 คน คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้
โดยการแปลผลเรื่องพวกนี้ต้องเอาทฤษฎีมาตั้งก่อน จากนั้นเอาข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจมาประยุกต์ไปตามทฤษฎี แต่ต้องฟังหลักฐานอื่นประกอบ ไม่ใช่จะจบแค่เครื่องจับเท็จ เราต้องฟังผลจับเท็จจริงของทุกคน ไม่ใช่แค่ของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ซึ่งผลของเครื่องจับเท็จสามารถนำมาเป็นพยานในชั้นศาล แต่ต้องฟังเหตุผลอื่นประกอบด้วย
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนทราบว่าสังคมติดตามอยู่ ตำรวจก็ทำด้วยความรอบคอบ ต้องมีพยานหลักฐานแน่นหนาไม่ให้ผู้ต้องหาดิ้นหลุดได้ในชั้นศาล อย่างที่บอกว่าคนทำผิดทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ คงนอนไม่หลับอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ตนเห็นคลิปของลุงพลวันนี้แล้ว มีคนส่งมาให้ดู พฤติกรรมที่เกิดขึ้นคงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์ ถามว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า อยู่ที่ว่าผู้เสียหายจะมาแจ้งความหรือไม่
2 นักข่าวเชื่อ ลุงพลไม่พอใจการทำงานสื่อหลัก
ในรายการโหนกระแสโดยพิธีกร "หนุ่ม-กรรชัย กําเนิดพลอย" ได้เชิญ นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือ ฟ้า ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี และกิตติศักดิ์ วีระชัยเจริญสุข นักข่าวทางช่องไทยรัฐทีวี มาร่วมรายการ
โดยเบื้องต้น นักข่าวทั้งสองช่องต่างเปิดเผยทำนองเดียวกันว่า เหตุที่ลุงพลแสดงกิริยาดังกล่าวออกมาเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะไม่พอใจในการทำงานของสื่อ เพราะมียูทูปเบอร์จำนวนมากที่มาเกาะติดชีวิตลุงพล เสนอแต่เรื่องดีๆ ของลุงพล ถ้าลุงพลไม่พอใจก็จะห้ามถ่ายได้ แต่ลุงพลห้ามสื่อหลักไม่ได้
สำหรับประเด็นที่ว่า ลุงพล มีความเชื่อทางไสยศาสตร์เป็นอย่างมากหรือไม่นั้น นักข่าวทั้งสองเห็นพ้องว่า หากสังเกตพฤติกรรมของลุงพลมาตั้งแต่แรกก็น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ส่วนที่มีพระมาอ้างว่า ลุงพล ถูกเจ้าแม่ตะเคียนเข้าสิงนั้น นักข่าวทั้งสองช่องไม่เชื่อแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามพฤติกรรมในการแสดงความไม่พอใจลักษณะเช่นนั้น เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งมาแล้ว ช่วงที่มีชาวบ้านคนหนึ่งมาร้องเรื่องน้ำประปา แล้วลุงพลไม่พอใจเข้าไปชาร์ทจนชาวบ้านต้องเข้าห้ามปราม
- อัจฉริยะ แฉอีก เทวดา นางฟ้า คลั่งไสยศาสตร์ แลกน้องชมพู่ตาย
ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาไลฟ์แฉในเพจเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมอีกครั้งหนึ่ง หลังก่อนหน้านี้ได้มีการไลฟ์มาแล้ว
โดยรอบนี้ นายอัจฉริยะ ระบุว่า เหตุการณ์ในวันนี้เราก็รู้แล้วว่า คน 2 ซิมเป็นยังไง ซึ่งสองคนนี้เป็นคนที่ขี้เกียจ นอกจากนี้ เทวดายังเคยมาทำงานที่กรุงเทพฯ เป็น รปภ. มาก่อน และเป็นคนที่มีวาทศิลป์ในการพูด จึงเป็นบุคคลที่เป็น 2 ซิม
ขณะที่ คนที่เป็นเทวดานั้น ค่อนข้างมีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวได้ง่าย และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ถึงขนาดที่ว่า เคยไม่พอใจหมา เลยจับขาหมา 2 ข้างฟาดกับต้นไม้มาแล้ว
เมื่อคืนนี้มีข่าวว่า เทวดากับนางฟ้า เก็บกระเป๋าเสื้อผ้า เดินทางไปที่จังหวัดอุดรธานี นายอัจฉริยะบอกว่า ทั้งคู่ น่าจะเดินทางไปหาจอมขมังเวทย์ ที่เป็นกุนซือของเทวดา และยังมีส่วนในการฆ่าน้องชมพู่ด้วย โดยทั้งคู่น่าจะนำเงินสดไม่ต่ำว่า 2 ล้านบาทไปฝากไว้ เนื่องจากเกรงว่า ตัวเองจะถูกจับยึดทรัพย์ จะได้มีเงินเหลือพอใช้จ่าย
ทั้งนี้ พื้นที่อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร โดยเฉพาะบ้านกกกอก มีจอมขมังเวทย์หลายคน ที่เชี่ยวชาญในเรื่องไสยศาสตร์ เชื่อเรื่องเหล็กไหล และพญานาค และตนเชื่อว่าคดีน้องชมพู่ ทำให้คนที่มีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องของเหล็กไหล ได้เงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยการแลกด้วยชีวิตของเด็ก 3 ขวบ ที่ไม่รู้อีโน่อีเหน่ด้วย
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังเชื่อว่า มีการใช้ความบริสุทธิ์ของเด็ก 3 ขวบ ไปตัดเหล็กไหล โดยมีจอมขมังเวทย์เป็นกุนซือ เพราะพบว่าผมของน้องชมพู่โดนตัด และมีรูที่หลัง ซึ่งเป็นการสะกดวิญญาณของจอมขมังเวทย์ และเชื่อว่า คดีนี้มีคนได้เงินไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาทอย่างแน่นอน
นายอัจฉริยะ บอกอีกว่า จากการเป็นวิศวกรโยธาฯ มองว่า ต้นไม้ที่ชาวบ้านกราบไว้ ที่บ้านกกกอก ไม่ใช่ต้นตะเคียน แต่เป็นต้นมะค่าแต้ แต่ถึงจะเป็นต้นตะเคียน หรือต้นมะค่า ก็ผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ทั้งนั้น เพราะเป็นไม้หวงห้าม
แต่สิ่งที่ผิดอีกอย่างคือ มีการนำไม้ดังกล่าวมาหลอกลวงชาวบ้านว่าเป็นไม้ตะเคียน เพื่อหลอกลวงขายดอกไม้ธูปเทียนในการกราบไหว้บูชาขอโชคลาภ
นอกจากนี้ยังพบว่า เทวดา มีการคิดการใหญ่ จากการสร้างพญานาค หลังจากสร้างเสร็จก็จะตั้งให้เป็นคำชะโนด 2 มีการนำวัตถุมงคล เครื่องลางของขลังมาขาย จากนั้นจะให้จอมขมังเวทย์ ที่เป็นกุนซือให้ มาทำพิธี ดูดวง สะเดาะเคราะห์ ต่างๆ เพราะเทวดา มีฐานแฟนคลับเยอะ ซึ่งน่าจะสร้างรายได้ให้อย่างงามเลยทีเดียว
ขณะนี้ใกล้ถึงจุดของ เทวดา กับนางฟ้าแล้ว (ไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใคร) คาดว่า ไม่น่าเกิน ช่วงตรุษจีน หรือวาเลนไทน์นี้ เจ้าหน้าที่ชุดทำงานน่าจะสรุปผลคดีน้องชมพู่ได้
อย่างไรก็ดี ในเรื่องนี้ หลายฝ่ายมองว่า หลายๆ คดีที่มีทิศทางชัดเจนแล้ว นายอัจฉะริยะ มักจะออกมาเคลื่อนไหว พร้อมค่อยๆ เปิดหลักฐานสู่สาธารณะชน สอดคล้องไปพร้อมกับการทำงานของตำรวจ เช่น คดี ครูจอมทรัพย์, คดีพีท 90 ล้าน หรือแม้แต่คดีคลอดลูกดับที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งทำให้ครั้งนี้ กลับมาถูกจับตา ว่า นายอัจฉะริยะ อาจมีข้อมูลโยงไปถึงตัวคนร้ายที่ชัดเจนแล้ว
รับชมผ่านยูทูไปได้ที่ : https://youtu.be/YOqjOGiaRlM
ลุงพล
ไชยพล วิภา
ป้าแต๋น
รอดไปด้วยกัน
ทินโชคกมลกิจ
ลุงพลทำร้ายนักข่าว
น้องชมพู่
คดีน้องชมพู่
ใครห่าน้องชมพู่
น้องชมพู่วันนี้