คุณคงเคยได้ยินข่าวลักษณะที่ว่า ผู้เช่าไปเช่าบ้านอยู่ แต่แล้วกลับทำบ้านของผู้ให้เช่าเละเทะจนแทบจำสภาพบ้านเดิมไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ มักจะพบเห็นกันในข่าวบ่อยๆ
ล่าสุดมาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนโนเนม แต่ผู้ให้เช่า หรือเจ้าของบ้าน คือ นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา นักร้องนักแสดงชื่อดัง แต่คราวนี้ต้องบอกเลยว่าเจ็บแสบ แถมมีสิ่งผิดกฎหมายภายในบ้านอีกด้วย!
งานนี้ นุ๊ก สุทธิดา แทบจะเป็นลมร้องไห้กันเลยทีเดียว และที่สำคัญเหตุการณ์ผู้เช่าบ้านทำบ้านเละยังซ้ำรอยเดิมมาแล้ว เนื่องจากเคยเกิดเหตุแบบนี้กับเธอมาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน
โดยบ้านของ นุ๊ก สุทธิดา ที่เป็นบ้านเกิดเหตุนั้น เป็นบ้านหรูพื้นที่เกือบ 1 ไร่ ย่านลาดพร้าว ซึ่งเป็นบ้านเก่าของคุณนุ๊ก เธอได้ปล่อยให้ผู้เช่ารายหนึ่งเช่าเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ซึ่งผู้เช่ารายนี้ได้ค้างค่าเช่าอยู่ 1 เดือน และค้างค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือนกว่า รวมเป็นเงินประมาณ 8 หมื่นบาท
เหตุการณ์นี้ ทำให้ นุ๊ก สุทธิดา รู้สึกไม่สบายใจจึงได้เข้าปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเข้าแจ้งความที่สน.วังทองหลาง
ต่อมาตำรวจได้เข้าค้นบ้าน จึงได้พบว่าผู้เช่าได้มีการเสพยาเสพติดภายในบ้าน โดยตอนนี้ผู้เช่าได้ถูกคุมตัวสอบสวนที่โรงพัก โดยก่อนหน้านี้คุณนุ๊กเคยประสบปัญหาแบบนี้เช่นกัน ซึ่งผู้เช่าก่อนหน้าเป็นชาวจีน แต่ความเสียหายนั้นยังไม่ได้ครึ่งของความเสียหายในครั้งนี้
สำหรับสภาพบ้านด้านหน้าถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสำนักงาน มีเครื่องตอกบัตรเข้างาน บริเวณลานจอดรถก็ถูกต่อเติมสร้างหลังคาพร้อมโกดัง และที่น่าตกใจก็คือภายในโกดัง พบกล่องลังจำนวนมากวางระเกะระกะ ซึ่งในกล่องนั้นเป็นถุงมือสีน้ำเงินคล้ายถุงมือทางการแพทย์อยู่ในสภาพเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้ว วางกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ สภาพพื้นด้านหน้าโกดังเปลี่ยนเป็นสีฟ้า และเป็นที่น่าสังเกตว่า ห้องคนงานที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้น ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสตูดิโอ ทาห้องสีเขียว มีไฟจัดแสงอย่างดี และยังได้ถือวิสาสะเจาะผนังกั้นห้องเพื่อเป็นทางเชื่อมไปอีกห้องหนึ่ง โดยรอบบ้านถูกดัดแปลงต่อเติมจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้ แทบจะทุกบริเวณเต็มไปด้วยคราบสิ่งสกปรก ผนังถูกขีดเขียนเป็นรอยเต็มไปหมด และยังมีเครื่องซักผ้าที่คาดว่าน่าจะไว้ใช้ซักอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นถุงมือหรือไม่จำนวน 6 เครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าตำรวจได้เข้าอายัด ซึ่ง นุ๊ก สุทธิดา ได้บอกว่าก่อนหน้าที่จะปิด เครื่องซักผ้านั้น เครื่องซักผ้ามีกลิ่นเหม็นมาก
มาถึงจุดพีคของเรื่อง เมื่อนุ๊ก สุทธิดา ได้พาเข้าไปชมสภาพภายในบ้าน ที่พื้นเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ติดเต็มพื้น ภายในตู้ก็เต็มไปด้วยสารเคมีต่างๆ อีกทั้งบันไดไม้สักเก่าที่นุ๊ก สุทธิดา รักมาก ก็เต็มไปด้วยคราบสารเคมีสีฟ้าและฝุ่นจับหนาเหมือนไม่เคยทำความสะอาด สภาพห้องนอนแทบทุกห้องก็กระจัดกระจายมีกลิ่นเหม็นฟุ้ง แม้แต่ชักโครกในห้องน้ำมีการทำกิจธุระทิ้งไว้แล้วไม่กดน้ำอีกด้วย
ขณะที่ ด้านบนชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องไม้สักทั้งหมดก็มีคราบที่พื้นไม้เต็มไปหมด ไม้บวมน้ำหลายจุด ห้องนอนที่เคยเป็นห้องเก่าของนุ๊ก ก็ถูกตกแต่งดัดแปลงติดไฟคล้ายไฟปาร์ตี้ทั่วห้อง ซึ่ง โก้ ธีรศักดิ์ เพื่อนสนิทนุ๊ก สุทธิดา ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า “น่าสังเกตว่า แทบจะทุกที่จะมีแก้วน้ำวางอยู่ตลอด เขาวางเอาไว้ทำไม หรือว่าเขาจะกระหายน้ำบ่อย เรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้”
ทั้งนี้ ทีมข่าวรายการรอดไปด้วยกัน ได้ต่อสายตรงไปสอบถาม นุ๊ก สุทธิดา ซึ่งทราบความเพิ่มเติมว่า ผู้เช่าที่เป็นคู่สัญญาของนุ๊กจริงๆ นั้น เป็นคุณแม่ของผู้ต้องหา ซึ่งได้ทำสัญญากับทางตัวแทนของนุ๊ก แต่ตัวผู้เป็นแม่ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งบ้านนี้เป็นบ้าน 3 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น เนื้อที่กว่า 1 ไร่ มีทั้งหมด 4 อาคาร ซึ่งตอนที่ทำสัญญาเช่าไม่ได้ตกลงกันว่า จะทำเป็นโรงงานถุงมือแบบนี้ โดยเรื่องราวเกิดจากการที่เขาค้างค่าเช่ารวมถึงค่าน้ำไฟรวมแล้วหลักแสน ซึ่งเราไม่สบายใจจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ โดยตำรวจก็ได้เข้าค้นบ้านจนทราบเรื่องทั้งหมด
เมื่อทีมงานสอบถามถึงความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น นุ๊ก สุทธิดา ตอบว่า ยังประเมินไม่ได้ แต่คร่าวๆ แค่ค่าตกแต่งบ้านชั้น 3 และระเบียงอาคารแม่บ้านก็ปาเข้าไป 1.8 ล้านบาทแล้ว ซึ่งค่าเสียหายอื่นๆ ยังไม่ได้ประเมิน และตอนนี้ยังไม่ได้หารือหรือตกลงกับคู่กรณีว่าจะชดใช้ให้อย่างไร ซึ่งคุณแม่ของผู้ต้องหาก็พยายามบ่ายเบี่ยงเสมอมา ส่วนความคืบหน้าตอนนี้เธอได้แจ้งความดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับคนที่เป็นเจ้าของบ้านเช่าที่กลัวว่า จะเจอผู้เช่าลักษณะนี้ ต้องฟังให้ดี
ก่อนหน้านี้รายการรอดไปด้วยกัน ได้เคยสอบถามไปยัง ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายความชื่อดัง ถึงกรณีดังกล่าว ว่ากรณีแบบนี้เจ้าของบ้านเช่าสามารถทำอะไรได้บ้าง? ได้รับคำตอบว่า
ผู้ให้เช่าสามารถเรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าได้ ดังนี้
1. ค่าเช่าที่ค้างไว้ (ยกตัวอย่างเช่น ผู้เช่าค้างไว้ 3 เดือน ก็สามารถเรียกเก็บค่าเช่าได้ 3 เดือน)
2. ค่าเสื่อมชำรุดของบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ ที่เกิดจากการกระทำของผู้เช่า
โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการเอาผิด ได้แก่
1. ต้องทำการทวงถามก่อน โดยจะเป็นการให้สำนักงานทนายความออกหนังสือทวงถามไปยังผู้เช่า
2. เมื่อทวงถามแล้วยังไม่จ่าย ก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลในเขตอำนาจที่หอพักตั้งอยู่ได้
และทนายมนต์ชัย ยังบอกอีกด้วยว่า ผู้ให้เช่าจะต้องหมั่นเข้าไปตรวจสอบห้องเช่าอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดั่งกรณีดังกล่าวขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ตามปกติของสัญญาเช่าห้องพักอาศัย จะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ให้เช่าเข้าตรวจดูห้องพักอาศัยได้เป็นครั้งคราวในระยะเวลาอันสมควร