สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ที่มีคำสั่งถอนชื่อผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพิ่มเติมอีก จำนวน 19 ราย ออกจากประกาศรายชื่อผู้รับสมัครเลือกตั้ง ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำ อบจ.ประกาศก่อนหน้านี้ หลังพบว่ามีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม มาตรา 50 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 กำหนด อาทิ
1.นายณัฐ แก้วนันท์ ผู้สมัคร ส.อบจ.นครราชสีมา อ.ปากช่อง เขต 4 เนื่องจากผลการตรวจสอบแล้ว แม้สื่อโคราช ที่มีชื่อนายณัฐ เป็นเจ้าของจะหยุดกิจการ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการแจ้งยกเลิกเป็นผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ หรือเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ จึงยังถือว่านายณัฐ เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ จึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
2.นายภควรรษ ทานะมัย ผู้สมัครส.อบจ.ลพบุรี อ.ชัยบาดาล เขต 1 เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ
3.นายสมภพ จันทรวงศ์ ผู้สมัคร ส.อบจ.อุบลราชธานี อ.เมือง เขต 1 เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
4.นายพจ เกิดกระจาย ผู้สมัคร ส.อบจ.สุรินทร์ อ.เมือง เขต 4 เนื่องจาก เคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ฐานนำยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินอัตรากำหนดมาวิ่งบนถนนหลวง
5. นายไกรสร เฮมรัมย์ ผู้สมัคร ส.อบจ.สุรินทร์ อ.ศรีณรงค์ เขต 1 เนื่องจากเคยถูกคุมขังในสถานกักกันกลางจังหวัดปทุมธานี ในคดีร่วมเล่นการพนันเครื่องกลไฟฟ้า (ไฮโล)
6. นายสะอาด ฉ่ำชะเอม ผู้สมัครส.อบจ.ลพบุรี อ.เมือง เขต 9 เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการพนัน ฐานเป็นเจ้ามือ
7. นายปรีชา จันทะเสน ผู้สมัคร ส.อบจ.อุดรธานี อ.ทุ่งฝน เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนและหุ้นส่วนผู้จัดการ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด แหลมทอง เรดิโอ ประกอบกิจการวิทยุกระจาย
ขณะที่ลำดับที่ 8-19 ประกอบด้วย
นางนวลจันทร์ สิทธิจันทร์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.สตึก เขต 3
น.ส.สมใจ ประเสริฐสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.เมือง เขต 2
นายนรินทร์ อาภรรัมย์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรมย์ อ.เมือง เขต 5 จ.บุรีรัมย์
น.ส.อชิรญา คุ้มสุวรรณ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.นางรอง เขต 2
น.ส.ลำใย คล่องแคล้ว ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.ประโคนชัย เขต 1
น.ส.เปรมิกา นามโคตร ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.ประโคนชัยเขต 1
นายประกิจ ชาชำนาญ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.ลำปลายมาศ เขต 3
นายวินัย วงค์อยู่ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.กระสัง เขต 1
นายอรุณ ทรัพย์มาก ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.สตึก เขต 2
นางกนกวรรณ แก้วยงกต ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.ละหานทราย เขต 2
นายสุรศักดิ์ อภัยจิตร์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.ละหานทราย เขต 2
นายมานิต วัชรานนท์ ผู้สมัคร ส.อบจ.บุรีรัมย์ อ.เฉลิมพระเกียรติ
ทั้งหมดไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 และถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งที่ไม่ไปใช้สิทธิ จึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
ส่วนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น นางพัฒนาวดี วิริยะปิยะ ปลัด อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เมื่อการตรวจรับและตรวจนับหีบบัตรเลือกตั้ง อุปกรณ์สำหรับการจัดการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ก็จะมีการส่งมอบให้กับ ทั้ง 26 อำเภอของ จ.ขอนแก่น ทำการเก็บรักษาในห้องนิรภัยตามขั้นตอนของการจัดการเลือกตั้ง
ซึ่งอุปกรณ์สำหรับการจัดการเลือกตั้งนั้นจะต้องถึงทุกอำเภอให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ธ.ค.และจะทำการแจกจ่ายให้กับหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 19 ธ.ค. ขณะที่การเตรียมการจัดการเลือกตั้งในภาพรวมนั้นขณะนี้ทุกฝ่ายได้มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมแผนการดำเนินการทุกขั้นตอน ทำให้ในขณะนี้ทั้ง 42 เขตเลือกตั้ง จากทั้ง 26 อำเภอของ จ.ขอนแก่น รวม 2,841 หน่วยเลือกตั้งนั้นทุกส่วนงานพร้อมแล้วโดยทั้งหมด ตามแนวทางการซักซ้อมและทำความเข้าใจ ที่ กกต.ขอนแก่น ร่วมกับ กกต.อบจ.ขอนแก่น ได้ดำเนินงานอย่างรัดกุมอย่างต่อเนื่องทุกวัน
นางพัฒนาวดี กล่าวต่ออีกว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แยกเป็นบัตรเลือกตั้ง นายก อบจ.ขอนแก่นและ บัตรเลือกตั้ง ส.อบจ.ขอนแก่น ดังนั้นในระบบทะเบียนราษฎร์กลางก็จะแจ้งว่าแต่ละท่านนั้นมีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งอย่างไรบ้าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าผู้ที่มาใช้สิทธิ์นั้นสามารถลงคะแนนในการเลือกตั้งอย่างไรบ่าง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวได้มีการซักซ้อมให้กับทางเจ้าหน้าที่ได้รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งครั้งนี้มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากถึงร้อยละ 60 และมีบัตรเสียไม่เกินร้อยละ 3
ส่วนทางด้านผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งต่างก็ลงพื้นที่หาเสียง และมีการร้องเรียนเรื่องการหาเสียงไม่โปร่งใส นายเดชา พยัคฆิน อดีต ส.อบจ.ชุมพร เขต อ.ปะทิว ผู้สมัครรองนายก อบจ.ชุมพร สังกัดทีมชุมพรต้องเดินหน้า พร้อมด้วย นายปรีชา เกิดชาตรี ผู้สมัคร ส.อบจ.ชุมพร อ.ปะทิว เขต 3ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร ยื่นหนังสือร้องเรียน รวมถึงภาพ เอกสาร เพื่อไปร้อวเรียนกรณีการหาเสียงไม่โปรงใส และการกระทำที่อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายการเลือกตั้ง
โดยเอกสารที่ส่งร้องเรียนต่อ กกต.พบว่า เป็นภาพถ่ายการหาเสียง และการจัดงานภายในจังหวัด ซึ่งั้ง 2 คน ยืนยันว่าเคยร้องเรียนไปที่ กกต.จังหวัดแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า ยืนยันว่าไม่ต้องการเป็นคู่ขัดแย้งของผู้ลงสมัครฝ่ายใด แต่การกระทำที่ไม่เหมาะสมโดยปราศจากการตรวจ อาจทำให้ผู้ลงสมัครคนอื่นๆ ไม่ได้รับความเป็นธรรมได้ และมองว่าอาจส่งผลต่อการพัฒนาระบอบการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยในอนาคตด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีสีสันในหาหาเสียงในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีผู้สมัครต่างหาเสียงกันอย่างคึกคัก และมีเทคนิคในการหาเสียงแตกต่างกัน บางคนก็เดินเคาะประตูบ้าน บางรายก็ใช้รถแห่หาเสียง แต่มีผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก รายหนึ่งได้ใช้เทคนิคในการหาเสียงคือ การล่องเรือ ตามแม่น้ำน่าน ผ่านกลางเมืองพิษณุโลก
นายณชพล พลอาสา ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก หมายเลข 2 ที่นำเครื่องขยายเสียงลงเรือหายาง ประกาศนโยบายหาเสียงให้กับชาวบ้านและชุมชนชาวแพที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่าน ด้วยการนำนโยบายหลักคือสร้าง Big Data นำการบริหารบ้านเมือง เกษตรก้าวหน้า อุดหนุนเทคโนโลยี ลดต้นเพิ่มผลผลิต สร้างการตลาด Matching เพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมทั้งสร้างศักยภาพการท่องเที่ยว ด้วย man-made attraction (แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น) ลดความเลื่อมล้ำทางการศึกษา ระหว่างโรงเรียนในเมืองกับนอกเมือง และส่งเสริมศักยภาพด้านกีฬา ทั้งด้านความเป็นเลิศและการออกกำลังกาย
โดยถือว่าเป็นการสร้างสีสัน ในการหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการร่องเรือที่อยู่กลางแม่น้ำน่าน มีความกว้างขวางมาก ทำให้ประชาชน ได้เห็นเรือของผู้สมัครล่องผ่านไป ก็ได้รับความสนใจในการหาเสียงครั้งนี้เป็นอย่างมาก