พ่อค้าหมูสะเต๊ะโผล่ม็อบเปิดใจ ไม่ใช่มือปืนเสื้อกันฝนสีชมพูแยกเกียกกาย โวยถูกจับแพะชนแกะเสียหาย
เมื่อเวลา 17.55 น. วันที่ 21 พ.ย.63 ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม นายอนุชา จันทร์ศรี อายุ 47 ปี พ่อค้าขายหมูสะเต๊ะและขนมปัง เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ถึงกรณีถูกกล่าวหาเป็นชายใส่ชุดกันฝนสีชมพูและก่อเหตุยิงบริเวณแยกเกียกกาย ในการชุมนุมหน้ารัฐสภา วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ยืนยันตนเองไม่ใช่บุคคลในคลิปและภาพตามที่มีแชร์ภาพกล่าวหา โดยมีคนนำไปจับแพะชนแกะ ขอปฏิเสธไม่เป็นความจริง
นายอนุชา เปิดเผยว่า ตนเคยทำงานที่กองทัพอากาศ แต่ลาออกมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และปัจจุบันประกอบอาชีพขายหมูสะเต๊ะ วันเกิดเหตุได้นำหมูสะเต๊ะมาส่ง และได้ร่วมชุมนุมกับม็อบราษฎร เพราะชื่นชอบอุดมการณ์ของกลุ่มราษฎร โดยยืนยันว่าไม่เป็นชายชุดชมพู และวันนั้นได้ใส่รองเท้าผ้าใบสีแดง แต่คนในภาพใส่รองเท้าสีขาว
เมื่อถามว่าในวันดังกล่าวมีปืนอยู่ในมือหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ในมือไม่มีอะไรเลย มีแต่สำลักน้ำและเกือบโดนกระทืบจากฝั่งกลุ่มราษฎร เพราะหัวเกรียน เนื่องจากม็อบเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่แฝงตัวมา และยืนยันว่าไม่ใช่การ์ดราษฎร อีกทั้งไม่ได้ปลอมตัว และเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงมาหลายปีแล้ว อยากเป็นความบังเอิญว่าวันนั้นเจอกับนายสมบัติ ทองย้อย หัวหน้าการ์ดม็อบปลดแอก เลยได้ถ่ายรูปร่วมกัน คนเลยเข้าใจผิด วันนั้นยืนยันไม่ได้อยู่ในแนวปะทะ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวว่าตอนนี้กำลังสืบสวนเพราะภาพปรากฎเช่นนั้นว่าชายคนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ยืนยันว่าไม่ได้ชี้นำ ขณะนี้รวบรวมเข้าสำนวนการสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าเรามีการตรวจพิสูจน์และหลักฐานตามขั้น
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงกรณีการใช้เคมีฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่า อุปกรณ์ที่ใช้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และยึดตามมาตรฐานสากล การผสมสารเคมีเป็นด้วยระบบเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำไปใส่ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ต้องผสมตามสัดส่วน เปรียบเทียบเช่นแทงค์สีปริ้นเตอร์ ยืนยันว่าทั้งตำรวจซึ่งเป็นต้นทางและนักข่าวรวมถึงผู้ชุมนุมที่เป็นปลายทางก็ได้รับอันตรายเท่าๆ กัน
+ อ่านเพิ่มเติม