พฤกษาโชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 ทำยอดขาย 6,584 ล้านบาท ดีดตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน 88% รายได้ 6,353 ล้านบาท และกำไร 603 ล้านบาท ฟื้นตัวเร็วแม้เจอภาวะโควิด โค้งสุดท้ายจ่อโอนเดอะรีเซิร์ฟ เล็งโกยรายได้ตามเป้า
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัททำยอดขายไตรมาส 3 ได้ 6,584 ล้านบาท เติบโต 88% จากไตรมาสก่อน ที่มียอดขาย 3,507 ล้านบาท มีรายได้ 6,353 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 603 ล้านบาท เติบโต 3% และ 9.4% จากไตรมาสก่อนตามลำดับ แม้ในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากภาวะโควิด แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากบริษัทฯ มีการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ มุ่งเน้นการเปิดโครงการใหม่ และเลือกทำการรีมาร์เก็ตติ้ง ( Remarketing) ในโครงการฮีโร่โปรเจค (Hero Projects) ซึ่งเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูงและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากสัดส่วนของยอดขายและรายได้ในไตรมาส 3 ที่มาจากโครงการฮีโร่โปรเจคถึง 19% และ 23% ตามลำดับ นอกจากนี้ยังสามารถลดจำนวนสินค้าในสต็อค (Inventory) ลงได้ถึง 31% จากปี 2562
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 63 บริษัทฯ มีโครงการที่เปิดขายอยู่ (Active Projects) จำนวน 166 โครงการ คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่ยังสามารถขายได้รวม 95,151 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้อีก (Backlog) 25,605 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯ เปิดโครงการไปแล้ว 11 โครงการ มูลค่ารวม 13,620 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นอีก 2 โครงการ รวมทั้งปี 2563 เปิดโครงการใหม่ประมาณ 13 โครงการ
ซึ่งหนึ่งในโครงการฮีโร่โปรเจคที่จะเปิดในไตรมาส 4 และเป็นโครงการไฮไลท์ ได้แก่ The Plant รังสิต-อเวนิว บ้านเดี่ยวในคอนเซปแพลนชีวิตได้อย่างอิสระ เพื่อทุกคนในบ้าน มูลค่าโครงการ 985 ล้านบาท ราคา 3 - 5 ล้านบาท และโครงการ พฤกษาวิลล์ ศรีนครินทร์-บางนา ชูพื้นที่กว้างและสเป็คเทียบเท่าบ้านเดี่ยว บนที่สุดของทำเล ใกล้เมกาบางนา มูลค่าโครงการ 1,101 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2 – 3 ล้านบาท
และในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี พฤกษามีการจัดกิจกรรมการตลาดมอบสิทธิพิเศษ และโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเร่งยอดขาย พร้อมเร่งทะยอยโอน The Reserve สุขุมวิท 61 มูลค่า 2,700 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 13% ของรายได้ที่ต้องทำอีกในไตรมาส 4 เมื่อประกอบกับรายได้จากการโอนฮีโร่โปรเจคราว 32% และโครงการอื่นๆ ที่เปิดขายอยู่อีกราว 55% คาดว่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ได้
ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาด 208,994 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากยังไม่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุน จากสภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของไตรมาส 4 ที่ยังชะลอตัว
จึงคาดว่า ทั้งปีตลาดอสังหาริมทรัพย์ติดลบประมาณ 30% สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ มีแผนงานที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายและรายได้จากฐานกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า และสำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้าจะมีจำนวนโครงการมากกว่าปีนี้อย่างแน่นอน”